ส่งออกผลไม้วูบหลังวิกฤติโคโรน่า เกษตรฯผนึกพาณิชย์ปรับแผน “ฟรุ้ตบอร์ด” หาตลาดใหม่

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 1/2563 ว่าที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2563 โดยมุ่งเน้นปรับแผนให้มีข้อมูลการผลิตที่ชัดเจน เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดผู้ซื้อได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้จังหวัดสามารถบริหารจัดการผลไม้แบบเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง มีหลักการทำงาน คือ 1.การบริหารจัดการเชิงคุณภาพ โดยจัดทำแผนบริหารจัดการผลไม้ในพื้นที่ ซึ่งมีคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) เป็นแกนหลัก ทั้งการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการพัฒนาคุณภาพผลไม้ทั้งในและนอกฤดู 2.การส่งเสริมการผลิตตามมาตรฐาน GAP และการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตตามมาตรฐานสินค้าเกษตรด้านไม้ผล การบริหารจัดการเชิงปริมาณ ปรับสมดุลข้อมูลของอุปสงค์และอุปทาน โดยกระทรวงเกษตรฯ ชี้เป้าการผลิตให้ชัดเจน โดยจัดทำข้อมูลประมาณการผลผลิต (Supply) ส่วนกระทรวงพาณิชย์เชื่อมโยงและหาตลาดรองรับผลผลิต โดยจัดทำข้อมูลความต้องการทางการตลาด (Demand) ตลอดจน คพจ. ปรับสมดุลข้อมูลของอุปทานและอุปสงค์และจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุรองรับปริมาณผลผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ซึ่งมุ่งหวังให้เกษตรกรยังสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม มีราคามาตรฐานที่เกษตรกรขายได้ไม่ต่ำกว่า ต้นทุน + กำไร 30%

โดยมาตรการดังกล่าวจะจัดทำเป็นแผนบริหารจัดการเชิงรุก มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบด้านการผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐาน GAP, มกษ. สถานประกอบการ (ล้ง) ผ่านการรับรอง GMP และกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบด้านการตลาด การกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ให้มีความคล่องตัว การผลักดันการส่งออก การเปิดตลาดต่างประเทศแห่งใหม่ เช่น อินเดีย และเร่งส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตผ่านช่องทางสมัยใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

3. การบริหารจัดการผลผลิตส่วนเกิน ทั้งกลไกปกติ และมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดผลผลิตส่วนเกินในช่วง peak โดยเฉพาะทุเรียนต้องเตรียมแผนรองรับการส่งออกไปจีน ซึ่งเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา จะต้องวางแผนการกระจายผลผลิตทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มมูลค่าผลผลิต เช่น การแปรรูป การแช่แข็ง รวมถึงประชาสัมพันธ์กระตุ้นการบริโภคในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ จนสิ้นสุดฤดูกาล

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รายงานคาดการณ์ข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ปี 2563 ดังนี้ ลำไยในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีผลผลิตรวม 699,815 ตัน โดยแยกเป็นลำไยในฤดู 439,850 ตัน ลำไยนอกฤดู 259,965 ตัน ผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดในเดือน ส.ค. ส่วนลิ้นจี่มีผลผลิตรวม 33,873 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 11,783 ตัน หรือร้อยละ 53.34 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดมากสุดในเดือน พ.ค. สำหรับการคาดการณ์ข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคตะวันออก ปี 2563 (ทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง) ผลผลิตทุเรียนรวม 599,708 ตันเพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 104,165 ตัน หรือ ร้อยละ 21.02 ผลผลิตมังคุดรวม 204,745 ตัน เพิ่มขึ้น 25,135 ตัน หรือร้อยละ 13.99 ผลผลิตเงาะรวม 224,390 ตัน เพิ่มขึ้น 33,301 ตัน หรือร้อยละ 17.43 และผลผลิตลองกองรวม 24,173 เพิ่มขึ้น 3,880 ตัน หรือร้อยละ 19.12 โดยทุเรียนจะออกมากช่วงเดือน เม.ย.ต่อเนื่องถึงเดือน พ.ค.2563 ซึ่งผลผลิตจะเพิ่มขึ้นทุกชนิด เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยและราคาดี จูงใจให้เกษตรกรดูแลรักษาดีขึ้น

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯโดย กรมประมงเตรียมปิดอ่าวให้ปลาผสมพันธุ์เพิ่มปริมาณปลาทู สัตว์น้ำอีก30% โดยเตรียมประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทยตอนกลาง หรือ ปิดอ่าวไทย คือ แนวทางการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำ ประจำปี 2563 ในเขตพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ ‪15 ก.พ. – 15 พ.ค. 2563‬ ต่อด้วยเขตพื้นที่พิเศษ 7 ไมล์ทะเลและพื้นที่อ่าวประจวบฯ อีก 30 วัน