แล้งถล่มมันสำปะหลังขาดตลาด วิกฤตรง.เอทานอล-อาหารสัตว์แย่งซื้อ

แล้งทุบซัพพลายมันสำปะหลังวิกฤต “เกษตรกร” อ่วม ขาดท่อนพันธุ์-ดินแห้งปลูกไม่ได้ คาดผลผลิตวูบเหลือ 28 ล้านตัน ไม่พอความต้องการใช้ที่พุ่งแตะ 40 ล้านตัน จากนโยบายหนุนเอทานอล-อาหารสัตว์แห่ใช้ จี้รัฐกู้วิกฤตท่อนพันธุ์-เยียวยาใบด่าง

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ชอร์ตซัพพลายมันสำปะหลังอย่างหนัก ประมาณ 10-20 ล้านตัน จากภาวะภัยแล้งที่กระทบต่อปริมาณและความสมบูรณ์ของท่อนพันธุ์ และทำให้ฤดูกาลปลูกปี 2563/2564 ลากยาวออกไป สวนทางความต้องการใช้มันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้น

นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ผู้ส่งออกยังต้องรับผลกระทบหนักจากปัญหาภาวะภัยแล้งรุนแรง และโรคใบด่าง ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจผลผลิตปีนี้ ช่วง 19-22 มกราคมพบว่าผลผลิตมันสำปะหลังลดลงเหลือประมาณ 28.7 ล้านตัน หากเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงจะทำให้ผลผลิตลดลงอีก 10-20%

“ปีนี้มันสำปะหลังสินค้าไม่ค่อยมี แล้งหนัก ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนท่อนพันธุ์และราคาท่อนพันธุ์แพง ในช่วงนี้เป็นช่วงจะเริ่มปลูกก็มาเจอแล้งทำให้ไม่มีความชื้นในดินจะลงปลูกมันไม่ได้ ทั้งใน จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ กำแพงเพชร และกาญจนบุรี ซึ่งตามข้อมูลของรัฐที่ประเมินว่าฝนจะตกในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 จะยิ่งทำให้แนวโน้มการปลูกจะต้องเลื่อนออกไป ในไทยไม่มีและกัมพูชาก็ไม่ค่อยมีเช่นกัน เพราะประสบปัญหาโรคใบด่าง ผลผลิตเสียหายลดลง 20% ปกติไทยใช้มันสำปะหลังจากกัมพูชามาเสริม ส่วนการระบาดของโรคนี้ในไทยมีบางพื้นที่ที่ระบาดหนัก เช่น จ.สระแก้ว จ.นครราชสีมาบางอำเภอ”

สำหรับแนวโน้มความต้องการใช้มันสำปะหลังปีนี้ คาดว่าจะมีมากถึง 39-40 ล้านตันหัวมันสด แบ่งเป็น ภาคอุตสาหกรรมแปรรูปแป้ง 25 ล้านตันหัวมันสด รองลงมาคือมันเส้น ต้องการใช้ 7 ล้านตันหัวมันสด ขณะที่นโยบายส่งเสริมการผลิตเอทานอลมากขึ้น ทำให้คาดว่าจะมีความต้องการใช้หัวมันสำปะหลังเพิ่มจากปีละ 3 ล้านตัน เป็น 4 ล้านตัน จากการที่วัตถุดิบป้อนโรงงานเอทานอลแทนโมลาสซึ่งก็ประสบปัญหาภัยแล้งเช่นกัน ขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์ก็มีแนวโน้มจะใช้มันสำปะหลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะปีนี้ราคาข้าวโพดแพงไปถึง กก.ละ 9-10 บาท แต่ราคามันเส้น กก.ละ 6 บาท จึงคาดว่าการใช้ผลิตอาหารสัตว์จะเพิ่มขึ้นจาก 2.5 ล้านตัน เป็น 3 ล้านตันหัวมันสด

อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกต้องประสบปัญหาจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าที่กระทบตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของแป้งมัน สัดส่วน 50% และมันเส้นพึ่งพาตลาดจีน 100% จึงคาดว่าจะทำให้การส่งออกปีนี้ลดลง 20% จากปี 2562 ซึ่งมีปริมาณ 6.6 ล้านตันลดลง 20%

“แม้ว่าขณะนี้ค่าบาทเริ่มอ่อนค่ามาเป็น 31 บาทจาก 30 บาทและกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะไปขายมันในตลาดอื่น เพื่อทดแทนจีน แต่เราไม่มีสินค้าไปขายจะทำอย่างไร”

ด้วยเหตุนี้คาดว่าราคามันสำปะหลังขยับสูงขึ้นไปอีก ซึ่งรัฐจะไม่ต้องจ่ายชดเชยประกันรายได้ให้เกษตรกร อีก 3-4 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม รัฐควรเร่งหันไปแก้ปัญหาเรื่องแล้งให้กับเกษตรกรก่อน ทั้งการเตรียมท่อนพันธุ์และต้องเร่งรัดมาตรการเยียวยาโรคใบด่างซึ่งที่ผ่านมา

ผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับจัดสรรงบกลางฉุกเฉินแล้ว แต่กระบวนการเบิกจ่ายยังล่าช้า โดยบางส่วนได้รับอนุมัติมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคมและตุลาคม 2562 แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา


“เมื่อเกษตรกรไม่ได้รับเงินเยียวยา เกษตรกรก็ไม่ยอมทำลายมันที่ติดโรคทิ้ง เพราะกลัวว่าหากทำลายไปแล้วจะไม่ได้อะไรเลย อย่างโคราช ระบาด 8,000 ไร่ ทำลายแล้วไม่ได้เงิน ยังเหลืออีก 2,000 ไร่ ไม่ยอมทำลาย ทางสมาคมก็ประสานไป คาดหวังว่าต้นกุมภาพันธ์น่าจะเบิกจ่ายได้ประมาณ 200 ล้านบาท”