BigBrother หอการค้าอุ้ม SMEs สร้างกำไรขยายตลาด

พิษเศรษฐกิจรุมเร้า หอการค้าช่วยน้องลุยโครงการ Big Brother ซีซั่น 4 หลังปั้นเอสเอ็มอี 3 รุ่น 200 ราย สร้างกำไรทะลุ 2,000 ล้านบาท มั่นใจมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 100 บริษัทในปีนี้

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ปัญหาไวรัสโคโรน่า ฝุ่น PM 2.5 และค่าเงินบาทส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบมากสุด ซึ่งพบว่าปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกลไกสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ ทางหอการค้าไทยจึงจัดทำโครงการ Big Brother เพื่อส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอีไปสู่ความยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4

“โครงการนี้จะต่างจากภาครัฐทำ โดยภาคเอกชนจัดทำเพื่อช่วยเอกชนด้วยกันมีความคล่องตัวทั้งด้านการดำเนินการ ผลักดันธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย เรามีบริษัทพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษา แนะนำ อบรมให้ความรู้ด้านการทำธุรกิจเพื่อให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ลดต้นทุน เพิ่มผลกำไร ช่วยให้ขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการ Big Brother 3 ซีซั่น ช่วยบริษัทน้องเอสเอ็มอีได้ 200 บริษัท สามารถสร้างกำไรได้ถึง 2,000 ล้านบาท”

นายพลิศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการเสริมสร้างความเข้มแข็งสมาชิก กล่าวว่า โครงการ Big Brother ซีซั่น 4 มีกำหนดจะเปิดรับสมัครในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาและบริษัทพี่เลี้ยงเข้ามาสัมภาษณ์โดยตรง เพื่อจะได้ตอบโจทย์ได้ตรงเป้าหมาย คาดว่าจะมีบริษัทน้องรุ่น 4 เข้าร่วม ไม่น้อยกว่า 100 บริษัท จะเน้น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มการค้า กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ และกลุ่มการเกษตร

สำหรับโครงการนี้มีระยะเวลาอบรม 1 ปี เน้นให้ความรู้และคำปรึกษาในการประกอบธุรกิจจากบริษัทพี่เลี้ยง 24 บริษัท ไม่ว่าจะเป็นบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

ทั้งนี้ นับจากดำเนินโครงการครั้งแรก ปี 2559 มีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการ 62 บริษัท สามารถสร้างผลกำไรได้ 515 ล้านบาท ปีที่ 2 มีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการ 144 บริษัท สร้างผลกำไรได้ 1,000 ล้านบาท และโครงการในปีที่ 3 มีเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการ 54 บริษัท สร้างผลกำไรได้ถึง 555 ล้านบาท

นายสุดเขต นราธิปภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท Organ Thai จำกัด จำหน่ายน้ำมะพร้าวหอมออร์แกนิก กล่าวว่า โครงการดังกล่าวช่วยให้มีบริษัทพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาแนะนำตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุน บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกด้าน ปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถเพิ่มผลกำไรได้ถึง 75% จากรายได้หลักที่มาจากการส่งออกน้ำมะพร้าว 90% และขายในประเทศอีก 10% ส่วนในปีนี้มีเป้าหมายขยายตลาดส่งออกไปสหรัฐ สหภาพยุโรปจากตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นหลัก

นายเจนวิทย์ หลายทวีวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท เดอนัว จำกัด บริษัท ทำแฟรนไชส์ เดอนัว ส้มตำ ไก่ย่าง กล่าวว่า ภายหลังจากเข้าร่วมการอบรมบริษัทสามารถเพิ่มยอดขายได้ 30% และสามารถขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์ ไปที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จากในปัจจุบันบริษัทมีสาขาในประเทศไทยกว่า 65 สาขา