ญี่ปุ่นกังวลโครงสร้างพื้นฐาน EEC ไม่ชัด

นายโซจิ ซาคาอิ ประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพ เปิดเผยว่า กลุ่มเอกชนขนาดใหญ่และขนาดกลางที่เป็นนักลงทุนรายเดิมและรายใหม่ของญี่ปุ่นให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มดิจิทัล กลุ่มแพลตติคอล กลุ่มสุขภาพ แต่มีสิ่งที่นักลงทุนกังวลและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก คือ เรื่องนโยบายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสถานที่ทดสอบในกลุ่มเทคโนโลยีต่าง ๆ เนื่องจากญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงต้องการพื้นที่ในการทดสอบก่อนการลงทุนและพัฒนา อีกทั้งแผนการรองรับของไทยในกลุ่มอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเฉพาะบุคลากรมีเพียงพอหรือไม่

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นให้ความสนใจในการเข้ามาลงทุนแบบ PPP โดยเฉพาะการพัฒนารถไฟรางเบา รถไฟความเร็วสูงของรัฐบาล ขอเพียงรัฐบาลไทยมีความชัดเจนเรื่องของแผนการลงทุนและการพัฒนาเป็นรูปธรรม ขณะที่โครงการอื่น ๆ สนใจเพียงให้มีความชัดเจนเท่านั้น

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2560 จะนำคณะกรรมการหอการค้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเข้าหารือกับนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานเพื่อการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อเสนอในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพร้อมด้านบุคลากร แรงงาน ผู้เชี่ยวชาญทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ การบูรณาการการทำงานของภาครัฐ โดยเฉพาะในท้องที่ การให้บริการในภาคอุตสาหกรรม บริการ เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่นำคณะภาคเอกชนมาเยือนไทย

นอกจากนี้ หอการค้าจะร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดเตรียมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อสร้างบุคลากรรองรับการเติบโตของ EEC เพราะเชื่อว่าบุคลากรในด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ดิจิทัล หุ่นยนต์จะขาดแคลนมาก อาจจะต้องนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาอบรมให้ความรู้ต่อไป พร้อมกันนี้จะพัฒนาด้านการท่องเที่ยวภายใต้ EEC เพื่อให้เป็นจุดสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่พัทยา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนา Cruise Terminal ด้วย

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทย ประเมินการลงทุนใน EEC ของภาครัฐเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 ล้านบาทต่อปี หากระยะ 5 ปีรวมการลงทุนต่าง ๆ จากภาคเอกชนจะส่งผลการขยายตัว GDP โตอยู่ที่ 1-1.5% ต่อปี ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัว