ทุนสวิสดอดซื้อร้านเพชร”บิวตี้เจมส์”

บิ๊กธุรกิจนาฬิกาสวิส ดอดซื้อช็อปบิวตี้เจมส์ สาขาเอ็มควอเทียร์ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา “สุริยน” แง้มกำไรเหลือเฟือเจียด30 ล้าน ปั้นสาขาใหม่ห้างพาร์คเลน-บิวตี้ไดมอนด์อีก 3 สาขา ลุยดึงอีเวนต์ซีอีโอหญิงเข้าไทย มิ.ย.นี้ ตั้งเป้าปี”63 ดันยอดบิวตี้กรุ๊ป 7,500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า หลังจากการท่องเที่ยวชะลอตัวลง ส่งผลต่อผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวพลอยรับผลกระทบไปด้วย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มลักเซอรี่ซึ่งเน้นตลาดนักท่องเที่ยวอย่างอัญมณีและเครื่องประดับ หลายรายปิดตัว หลายรายปรับแผนการตลาด รักษาฐานลูกค้า ปรับโมเดลธุรกิจ

ล่าสุด นายสุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัดเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้ทางบิวตี้เจมส์วางเป้าหมายว่าจะมีรายได้ในระดับ 7,500 ล้านบาท ทั้งในกลุ่มเครื่องประดับ สนามกอล์ฟ และประกันภัย โดยในส่วนของกลุ่มเครื่องประดับบิวตี้เจมส์ มีรายได้หลักจากการส่งออก สัดส่วน 90%และใช้ในประเทศประมาณ 10% ผ่านช่องทางร้านเพชรบิวตี้เจมส์ และร้านบิวตี้ไดมอนด์ (Beauty Diamond)

“แนวโน้มยังมองว่าตลาดส่งออกปีนี้น่าจะพอไปได้ เพราะตลาดสหรัฐซึ่งเป็นตลาดหลัก เริ่มมีเศรษฐกิจกลับมาร้อนแรง จะมีเลือกตั้ง หุ้นปรับตัวดีขึ้น ส่วนตลาดภายในประเทศแม้ว่าปีนี้จะต้องเผชิญกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจหลายรายที่สู้ไม่ไหวต้องปิดไป หรือผันตัวประกอบธุรกิจอื่น แต่ทางบริษัทยังมองว่าจะผ่านไปได้ เราได้ปรับตัวโดยเน้นการบริหารจัดการองค์กรภายใน เสริมส่วนที่แข็งแกร่ง ส่วนธุรกิจใดดีก็รักษาไว้ไม่ให้ขาดทุน และเพิ่มการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสสูง”

สำหรับแผนในปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาบิวตี้เจมส์แห่งใหม่ที่ห้างพาร์คเลนแทนร้านสาขาที่ห้างเอ็มควอเทียร์ เพราะขณะนี้ได้ขายสาขาเอ็มควอเทียร์ให้กับบริษัทนาฬิกาจากสวิสไปแล้ว หลังจากที่เปิดให้บริการร้านที่เอ็มควอเทียร์ มาเป็นเวลา 6 ปี โดยบริษัทใหม่จะเข้ามาดำเนินการต่อเนื่องในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563

“มูลค่าดีลตกลงกันไว้แล้วสูงพอสมควร เราไม่ได้ขาดทุน แต่ถือว่าวิน-วิน เพราะดีลนี้สูงมากพอที่เราจะดึงงบฯจากส่วนนี้มาใช้ตกแต่งสาขาใหม่ที่พาร์คเลน ประมาณ 30 ล้านบาท สาเหตุที่เลือกพาร์คเลนเพราะเป็นห้างของเรา มีความสะดวก โดยเฉพาะเรื่องที่จอดรถสามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้ตกแต่งคืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีร้านเพชรขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์บิวตี้เจมส์ 4 สาขา คือ ศาลาแดง หัวหมาก เจริญกรุง และพาร์คเลน แทนเอ็มควอเทียร์”

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดร้านเพชรบิวตี้ไดมอนด์ (Beauty Diamond) ซึ่งจะเป็นร้านค้าปลีกจำหน่ายเครื่องประดับเพชรสำหรับกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ราคาไม่สูงมากนักไว้ โดยปีนี้มีแผนจะขยายสาขา 3 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวน 20 สาขา รวมเป็น 23 สาขา ซึ่งการขยายสาขาจะยังคงอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทั้งกลุ่มโรบินสัน เซ็นทรัล และเดอะมอลล์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

นายสุริยนกล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในประเทศอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนนี้จะมีการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ หรือบางกอกเจมส์ ครั้งที่ 65 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-29 กุมภาพันธ์ จากนั้นระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน จะมีการจัดงาน Global Summit of Woman 2020 ขึ้นที่รอยัลพารากอน ในประเทศไทย ต่อจากปีก่อนที่งานนี้ได้จัดขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดยภายในงานจะมีซีอีโอหญิงจากต่างประเทศและในประเทศไทยร่วมด้วย ประมาณ 200 คน ซึ่งกิจกรรมนี้ไม่เพียงจะเป็นการสัมมนาแลกเปลี่ยนมุมมองทางวิชาการ แต่ยังจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและกระตุ้นรายได้เข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วย