กกร.ปรับลด GDP Work Shop รับมือโควิด-19

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ในหลายประเทศทั่วโลก เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปี 2563 โดยเฉพาะภาคการค้า การผลิต ภาคการบริการการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้หยุดชะงักลง ส่งผลกระทบทางอ้อมมายังภาคธุรกิจต่าง ๆ ให้มีการลดการจ้างงาน/ปิดกิจการ บวกกับภัยแล้ง กำลังซื้อภาคครัวเรือนเปราะบาง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 มีมติปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2563 อีกครั้ง โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2563 จะอยู่ที่ 1.5-2.0% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.0-2.5% ขณะที่ยังคงประมาณการการส่งออกไว้ที่ -2.0-0% และเงินเฟ้อไว้ตามเดิมที่ 0.8-1.5%  

ทั้งยังได้มีการสำรวจภาคการผลิต พบว่าสมาชิก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ามี 12 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างมากจากไวรัสครั้งนี้ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ เคมี ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร เครื่องสำอาง เป็นต้น  

อย่างไรก็ตาม กกร.คาดหวังว่าหากภาครัฐออกมาตรการทั้งด้านการคลังและด้านการเงินอย่างเร่งด่วน เพื่อประคองเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้รอดพ้นจากวิกฤต COVID-19  โดยเฉพาะการลดภาระค่าใช้จ่ายและเติมสภาพคล่องให้กับธุรกิจต่าง ๆ และเตรียมการรับมือหากการแพร่ระบาดของโรครุนแรงขึ้น และภาครัฐควรมีการจัดประชุม กรอ.เพื่อเป็นกลไกการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ขณะที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนสมาชิกในการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามที่รัฐบาลได้ออกประกาศ ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมือเข้าสู่ระยะ 3 ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเตรียมแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ตื่นตระหนกจนเกินกว่าเหตุ

โดยในวันที่ 9 มีนาคมนี้ หอการค้าไทยจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) สมาชิกหอการค้าไทยในสาขาธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชนท่องเที่ยว 7-8 กลุ่ม เช่น ร้านอาหาร โลจิสติกส์ เพื่อประเมินสถานการณ์และรับทราบถึงปัญหาของสมาชิกกลุ่มนี้ ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบก่อนธุรกิจอื่น เบื้องต้นแนวทางการช่วยเหลือสมาชิกก็จะสนับสนุนให้มีการดำเนินโครงการไทยเท่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ 

“หากไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 ภาครัฐอาจกำหนดมาตรการเข้มงวดขึ้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และงดทำกิจกรรรมต่าง ๆ หรือไม่ หากมีมาตรการอะไรออกมาทางเอกชนก็พร้อมทำตาม แต่ตอนนี้ไม่ควรตื่นตระหนก และจากที่ลงพื้นที่พัทยาสัปดาห์ก่อนพบว่าคนไทยยังเดินทางไปเที่ยวจำนวนมาก ในวิกฤตที่ต่างชาติเดินทางมาไม่ได้ก็อาจเป็นโอกาสของบางธุรกิจบางประเภท เช่น สัมมนาหรืออบรมออนไลน์ ธุรกิจคอนเทนต์ ขอให้พยายามมองหาโอกาสในวิกฤต ซึ่งในการประชุม กกร.พรุ่งนี้คงมีการประเมินสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจใหม่ด้วย”

เช่นเดียวกับ “นายสนั่น อังอุบลกุล” รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้หอการค้าไทยเตรียมใช้มาตรการสินเชื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในซัพพลายเชนหลังจากผ่าน ครม.มาแล้ว ทางหอการค้าไทยจะดึงบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถาบันการเงินมาประกบให้การช่วยเหลือสมาชิกในการขอสินเชื่อดอกเบี้ย 1% 

เบื้องต้นเริ่มเฟสแรก 100 รายก่อน จากนั้นประเมินผลก่อนที่จะขยายไปสู่เฟสต่อไป เพราะต้องยอมรับว่าจำนวนสมาชิกสมาคมการค้าต่าง ๆ มีมากถึง 30,000 ราย อาจจะเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนก็ต้องไปช่วยเป็นตัวกลางใช้ประโยชน์จากมาตรการ โดยภาครัฐเตรียมวงเงินไว้ถึง 50,000 ล้านบาท