ปักหมุดส่งออก “อินเดีย” มหาอำนาจเศรษฐกิจเบอร์ 5 โลก

ท่ามกลางการระบาดอย่างหนักของโควิด-19 ในช่วงต้นปี แต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ปักหมุดเดินทางเยือนอินเดียเป็นประเทศแรกในปีนี้ และเข้าพบนายกรัฐมนตรีอินเดีย การพบกันระหว่าง 2 มหาอำนาจโลกจะมีผลต่อไทยอย่างไร “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “นางสาวสายทอง สร้อยเพชร” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย

จีน-อินเดียผนึกกำลัง

นายกรัฐมนตรีอินเดียและสหรัฐมีภาพการใช้นโยบายคล้ายกัน คือ การมุ่งให้ความช่วยเหลือภาคเกษตรและเอสเอ็มอีในประเทศด้วยการออกนโยบายกระตุ้นการลงทุน ซึ่งอินเดียมีนโยบาย make in India ส่วนสหรัฐมี American first เป้าหมายเหมือนกัน คือ ลงทุน การจ้างงานคนในประเทศ

แม้ว่าที่ผ่านมาสหรัฐใช้มาตรการปกป้องโดยขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเหล็กอินเดีย ส่วนอินเดียก็ใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐ 28 รายการ เช่น ถั่ว อัลมอนด์ แอปเปิล ฯลฯ แต่สหรัฐถือเป็นคู่ค้าอินเดียอันดับ 2 รองจากจีน

การพบกันครั้งนี้ 2 ฝ่ายตั้งเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันจากปััจุบันอยู่ที่ 92,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น การค้าจะเป็นประเด็นหลักและยังมีเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างกัน ซึ่งอินเดียมีบุคลากรด้านไอที ซอฟต์แวร์จำนวนมาก สองฝ่ายได้ริเริ่มความตกลง “เทรดแพ็กต์” เพื่อสร้างความเข้าใจและลดอุปสรรคระหว่างกัน แต่สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปอินเดียเป็นคนละกลุ่มกับสินค้าที่สหรัฐส่งไปอินเดียและถูกขึ้นภาษี เทียบแล้วไม่ได้มีผลมากเหมือนกับความตกลงที่สหรัฐกับจีน

อินเดียไม่เข้า RCEP

แม้อินเดียไม่ร่วมลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) แต่ไทยยังส่งออกโดยใช้เอฟทีเอไทย-อินเดียลดภาษีสินค้า 84 รายการ และเอฟทีเออาเซียน-อินเดียรองรับได้ เพียงแต่เราหวังว่าหากอินเดียเข้าร่วม RCEP ด้วยจะเป็นตลาดและฐานผลิตที่สำคัญ

ภาพรวมเศรษฐกิจอินเดีย

ความท้าทายเศรษฐกิจอินเดีย ก็คือ ผลจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ผสมกับกระแสการปกป้องการค้าทั่วโลก เศรษฐกิจอินเดียเป็นเหมือนทั่วโลก คือ ชะลอตัว จากเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโต 6-7% แต่รัฐบาลปรับประมาณการทั้งปี 2562 โต 5% ตอนนี้ถึงไตรมาส 3 โต 4.7% ยังรอไตรมาสสุดท้ายที่ยังไม่ออก อย่างไรก็ตาม World Economic Forum (WEF) จัดอันดับว่าอินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี

ภาพการส่งออกปีนี้

ปีนี้ตั้งเป้าหมายจะผลักดันการส่งออกตลาดอินเดียขยายตัว 3% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 7,332.55 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะโฟกัสสินค้าที่เติบโตได้ดี เช่น เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์

“สินค้าไลฟ์สไตล์ตอบสนองผู้บริโภคระดับกลางกว่า 300 ล้านคน ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับภาษี 0% คนทำงานนิยมสินค้าราคาไม่สูงมาก คุณภาพดี จากพลอย ทับทิม ไพลิน มรกต หรือเครื่องประดับหรือสินค้าแฟชั่นสำหรับผู้ชายก็่ไปได้ดี นอกจากนี้จะเน้นสินค้าอาหารตามนโยบายส่งเสริมครัวไทยสู่ครัวโลก”

โอกาสธุรกิจบริการ

ร้านอาหารไทยซีเล็คท์ ตอนนี้มีการประสานกับร้าน 2 ร้าน จากเดิมที่มี 2 ร้าน คือ (นารา และแมงโก้ทรี) ที่เข้าเงื่อนไขที่มีความเป็นเอกลักษณ์ไทยและใช้วัตถุดิบไทย เหตุที่น้อยเพราะที่นี่ จะไม่ใช่ร้านอาหารไทยแบบแท้ ๆ แต่ขยายได้ ที่นี่นิยมทานอาหารไทย เช่น ผัดไทย แกงเขียวหวาน ยำส้มโอ ผัดโหระพาไก่ ต้มยำกุ้ง ต้มข่ากุ้ง เป็นต้น

นอกจากนี้ ธุรกิจบริการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งโรงแรม ภัตตาคาร สปา บริการให้คำปรึกษา อสังหาริมทรัพย์ ตกแต่งภายใน รวมถึงค้าปลีก เป็นธุรกิจที่มีโอกาสมาก