ไม่ต้องตุน! กรมการค้าภายในถก 56 ผู้ผลิต-ห้าง ยันสินค้าสต๊อกพอใช้ 3 เดือน

กรมการค้าภายในร่วมหารือผู้ประกอบการ ห้างสพรรสินค้า สร้างความเข้าใจสำหรับกระแสกักตุนสินค้า พร้อมยื่นยันว่าสินค้าเพียงพอ ผู้ผลิตยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้หากความต้องการเพิ่มสูงขึ้น

นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภค ว่า จากกระแสความต้องการสินค้าของประชาชนที่มีเพิ่มขึ้น จากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีสินค้าหายจากชั้นวางของนั้น ตนเชิญผู้ประกอบการทั้งสิ้นกว่า 56 ราย เพื่อหารือและทำการชี้แจงความเข้าใจเพื่อให้ผู้ประกอบการหรือประชาชน ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าไม่ควรตื่นตระหนกเร่งกักตุนสินค้าโดยให้ความมั่นใจว่าสินค้ายังมีเพียงพอและกำลังการผลิตยังสามารถผลิตเพื่อกระจายสินค้าให้กับตลาดได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ จากการติดตามสต๊อกสินค้าภายหลังประชาชนแห่ซื้อสินค้ามากักตุน จนสินค้าหลายรายการไม่มีในชิ้นวางของ ซึ่งจากการหารือผู้ประกอบการต่างยืนยันสินค้ายังไม่ขาดแคลน และยังมีเพียงพอสำหรับประชาชน แต่สินค้าที่หายออกไปจากชั้นวางของนั่น เกิดจากการเติมสินค้า และการขนส่งสินค้าที่ล่าช้าไปบ้าง แต่ยืนยันว่าสินค้ายังมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ส่วนกำลังการผลิตปัจจุบันยังคงมีอยู่ 70% และผู้ผลิตยืนยันว่ายังเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 30% หากประชาชนมีความต้องการสินค้า เช่น อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสาร ปลากระป๋อง และกระดาษทิชชู้ เป็นต้น พร้อมที่จะเพิ่มการผลิตได้

ส่วนกรณีที่ห้างสรรพสินค้าบางแห่ง ได้จำกัดการซื้อ หรือปิดป้าย สินค้ามีจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย ระบุ อาจจะต้องไปปรับวิถีการสื่อสารกับห้างสรรสินค้าใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความตื่นตระหนก และเร่งการซื้อเพื่อนำไปกักตุน เพราะกังวลว่าสินค้าจะขาดแคลน อย่างไรก็ดี จากการหารือกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าได้รับการยืนยันว่าสต๊อกสินค้าปัจจุบันมีเพียงพอต่อความต้องการไปอีก 3 เดือน อีกทั้ง สถานการณ์ปัจจุบันยังต่างไปจากช่วงนี้ที่มีปัญหาน้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการขนส่ง โรงงานบางแห่งปิดการผลิตไปจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้สินค้าขาดแคลน

แต่สถานการณ์ปัจจุบัน การผลิตและการขนส่งสินค้ายังอยู่ในภาวะปกติ ผู้ผลิตสินค้าสามารถผลิตสินค้าเพื่อกระจายไปถึงมือผู้บริโภคได้ อีกทั้งสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้หากมีความต้องการเพิ่มขึ้น สินค้าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในขณะนี้คือ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อาหารสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าว เป็นต้น

สำหรับการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน ขณะนี้ ได้เร่งให้โรงงานผลิตทั้ง 11 แห่ง เพิ่มกำลังการผลิต ซึ่ง ขณะนี้สามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้ 1.7 ล้านชิ้นต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านชิ้นในสัปดาห์นี้ซึ่งจะทำให้การจัดสรรหน้ากากอนามัยไปยังหน่วยงานที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น โรงพยาบาล ส่วนการส่งออกอนามัยยืนยันว่า อนุญาตให้ส่งออกตามเงื่อนไขและความจำเป็นเท่านั้น เช่น สินค้าที่ได้รับการส่งเสริมจาก บีโอไอ และสินค้าที่ติดลิขสิทธิ โดยที่ผ่านมาอนุญาตให้มีการส่งออกแล้วกว่า 12 ล้านชิ้นจากที่ขอส่งออก 53 ล้านชิ้น ส่วนอื่นๆยังไม่มีการอนุญาตแต่อย่างไร