หมอ พยาบาล กลุ่มเสี่ยง เตรียมรับหน้ากากฟรี จุรินทร์ ชง นายก เห็นชอบ

จุรินทร์ ประชุมหารือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องหน้ากาก เตรียมเสนอ นายก ใช้งบรัฐบาลซื้อหน้ากากอนามัย แจกฟรีให้กลุ่มเสี่ยงก่อน พร้อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบแจกกลุ่มเสี่ยงด้วย ส่วนประชาชนแนะขอใช้หน้ากากทางเลือกแทน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการประชุมเรื่องการบริหารจัดการด้านเวชภัณฑ์ป้องกันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2563 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบจะมีการปรับเปลี่ยนระบบบริหารจัดการหน้ากากอนามัยใหม่ทั้งหมด โดยจะเน้นให้กับหน่วยงานที่มีความต้องการโดยเฉพาะสถานพยาบาล บุคคลกรทางการแพทย์ และมีความเสี่ยงสูงสุด อีกทั้ง จะต้องเสนอของบประมาณจากรัฐบาลในการดำเนินการด้วย โดยการพิจารณาหารือครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน จึงได้มีการประชุมร่วมกันและเห็นควรเสนอมาตรการด้านป้องกันที่จำเป็นเพื่อใช้รองรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมติดังกล่าวจะนำเสนอให้คณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเห็นชอบในวันที่ 23 มี.ค.2563 นี้

เบื้องต้น มาตรการดำเนินการในส่วนของหน้ากากอนามัยกำหนดจัดหาให้กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ให้ได้มากที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า ถ้ามีหน้ากากอนามัยเพิ่มจากเดิม 30-50% จากปัจจุบัน ก็น่าจะเพียงพอต่อความต้องการใช้ ส่วนการกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยง ปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นพนักงานควบคุมโรคระดับพื้นที่ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 จึงจะเสนอให้ผู้ว่าฯ เป็นผู้พิจารณาการกระจายหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เพราะจังหวัดรู้ดีว่าในพื้นที่ใครคือกลุ่มเสี่ยง ให้มีหน้ากากอนามัยใช้ป้องกันตัวเองและป้องกันการแพร่ระบาด

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะไปหารือกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาว่าความต้องการที่แท้จริงเป็นยังไงต่อไป สำหรับประชาชนทั่วไป จะรณรงค์ให้ใช้หน้ากากทางเลือก หน้ากากผ้า ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นโดยลำดับแล้ว สำหรับ งบประมาณที่ใช้ จะเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระงบประมาณในส่วนนี้ โดยการจัดสรรหน้ากากานั้นจะเป็นการจัดสรรให้ฟรี แต่ทั้งนี้ ต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พิจารณาเห็นชอบก่อน

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย มีกำลังการผลิตได้วันละ 2.2 ล้านชิ้น และศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัย กรมการค้าภายใน ได้กระจายให้กับกระทรวงสาธารณสุขวันละ 1.3 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้กับสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ อีก 9 แสนชิ้น และกระจายให้กับกลุ่มเสี่ยงต่างๆ และประชาชน ซึ่งจะดำเนินการตามรูปแบบนี้ไปก่อน จนกว่าจะมีมาตรการใหม่ออกมา ส่วนหน้ากากอนามัยคงเหลือที่ยังจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด ก็จะยังยึดตามมาตรการเดิม โดยเฉพาะการกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด และการดำเนินการจับกุมผู้ค้ากำไรเกินควรตามกฎหมาย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับเวชภัณฑ์ป้องกันอื่นๆ เช่น เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ กระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบไปดำเนินการให้มีการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ที่จำเป็นต้องใช้ เพราะขณะนี้กรมสรรพสามิตได้ผ่อนผันให้นำเอทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญมาเป็นส่วนผสมจำหน่ายได้แล้ว แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นมากขึ้น