กรอ.พาณิชย์ตั้งวอร์รูม 7 กลุ่ม เร่งสรุปปัญหา แนวทางปฏิบัติรับมือโควิด-19

จุรินทร์ หารือร่วมเอกชน เห็นชอบตั้งวอร์รูม 7 กลุ่ม เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและรับมือช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดไวรัส อีกทั้ง สนองความต้องการบริโภคของประชาชน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ เพื่อหารือสถานการณ์รับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกำหนดแนวทางการรับมือสถานการณ์การแพร่ของโควิด-19 ในเรื่องการดูแลสินค้าอุโภคบริโภคของประชาชนให้มีเพียงพอในประเทศ ว่า ที่ประชุมเห็นร่วมในการตั้งคณะทำงาน (วอร์รูม) ขึ้นมา 7 กลุ่ม เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมให้คณะทำงานทั้ง 7 กลุ่ม ประชุมหารือและสรุปข้อมูลให้ได้ภายใน 2-3 วันจากนี้ เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและนโยบายของรัฐบาลด้วย
สำหรับคณะทำงานทั้ง 7 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กลุ่มอาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารกระป๋อง อาหารพร้อมรับประทาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่ม 2.กลุ่มข้าว 3.กลุ่มปศุสัตว์ เช่น ไก่ ไข่ไก่ กุ้ง สุกร และสัตว์อื่นที่เกี่ยวข้อง 4.กลุ่มผลไม้ ซึ่งผลไม้จะเริ่มมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน 2563 นี้ 5.กลุ่มวัตถุดิบที่ทำอาหารสัตว์ เช่น ไก่ สุกร กุ้ง โดยวัตถุดิบประกอบด้วย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น 6.กลุ่มเวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และ7.กลุ่มบริการ โดยเฉพาะการขนส่ง ลอจิสติกส์ การบริการ เดลิเวอร์รี่ ซึ่งคณะทำงานทั้งหมดจะต้องไปศึกษาแนวทางการทำงานรวมถึงปัญหาและอุปสรรค เพื่อจะได้ร่วมหาวิธีแก้ไขต่อไป ทั้งนี้ เป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในช่วงนี้
เอกชนที่เข้าร่วมหารือ เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาพันธ์โลจิสติกไทย สมาคมขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย สมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกกร-ไก่ เพื่อการส่งออก สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์จำกัด มหาชน สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ภาคเอกชนยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพออย่างแน่นอนและหลายโรงงานยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก โดยกำลังการผลิตส่วนใหญ่อยู่ที่ 70% ดังนั้นยังสามารถขยายกำลังการผลิตได้อีกมาก เช่น โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยกำลังการผลิตต่อวันอยู่ที่ 10 ล้านซอง โดยผู้ผลิตสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 15 ล้านซองต่อวัน และส่วนใหญ่ 80% ขายภายในประเทศ อีก 20% ส่งออก หรือโรงงานปลากระป๋อง กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60% ซึ่งยังเพิ่มได้อีก อีกทั้ง ขณะนี้ ที่ผู้ผลิตกังวลเรื่องของวัตถุดิบซึ่งมีการนำเข้า ก็ได้ทยอยนำเข้าและเก็บไว้ในห้องเย็น ดังนั้น เชื่อมั่นว่าวัตถุดิบยังมีเพียงพอในการผลิตปลากระป๋องไปอีกหลายเดือน จึงเชื่อว่าสินค้าจะไม่ขาดแคลน และการขนส่ง กระจายสินค้าได้มีการผ่อนปรนจะยิ่งทำให้การกระจายสินค้าได้ดีขึ้น ส่วนปัญหาไข่ไก่ ยืนยันว่าไม่มีขาดแคลน ส่วนปัญหาที่พบว่าขายแพงรับว่าเป็นช่วงที่มีพ่อค้า แม่ค้า เกิดใหม่ โดยไปรับไข่ไก่จากผู้ซื้อและมีขายต่อเพื่อทำกำไร ดังนั้น ก็ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเอาเปรียบประชาชน