ฝนหลวงฯ เริ่มปฏิบัติการบินคลี่คลายหมอกควันไฟป่าภาคเหนือ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ช่วงเช้า 10.30 น. วันนี้ (1เม.ย.63) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มี 11 หน่วยปฏิบัติการกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และพิษณุโลก ภาคกลาง จากเดิมหน่วยฯ จ.นครสวรรค์ ย้ายไปประจำการที่ จ.ลพบุรี เนื่องจากขณะนี้ลมเริ่มเปลี่ยนทิศและมีหลายพื้นที่มีความต้องการน้ำเพิ่มมากขึ้น จึงปรับการปฏิบัติการเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้มากที่สุด และจากเดิมหน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ย้ายไปใช้สนามบินชั่วคราวที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากสนามบินค่ายสุรสีห์ยังอยู่ในระหว่างการฝึกรบ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ จากเดิมหน่วยฯ จ.อุบลราชธานี ย้ายไปประจำการที่ จ.นครราชสีมา ภาคตะวันออก จากเดิมหน่วยฯ จ.ระยอง ย้ายไปประจำการที่ จ.จันทบุรี และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยทั้ง 11 หน่วยฯ จะมีการติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวันไม่มีวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในการช่วยจะคลี่คลายสถานการณ์ภัยแล้งของพื้นที่การเกษตร การเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อน อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำลำคลอง ที่มีปริมาณน้ำน้อยอยู่ ณ ขณะนี้ รวมถึงการช่วยบรรเทาปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ

ตลอดจนช่วยบรรเทาสถานการณ์พายุฤดูร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดพายุลูกเห็บที่อาจส่งผลกระทบเกิดความเสียหายต่อพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนของประชาชน ทางกรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงได้ร่วมกับเหล่าทัพ กองทัพอากาศและกองทัพบก ในการปฏิบัติการฝนหลวงลดความความรุนแรงของภัยพิบัติต่างๆ โดยน้อมนำตำรา ฝนหลวงพระราชทานที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงคิดค้นและมอบเป็นมรดกให้กับชาวไทย มาใช้ปฏิบัติเพื่อแก้ไขปัญหา

ด้านสถานการณ์ไวรัสโคโรนา (Covid-19) ที่กำลังมีการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทยรัฐบาลจึงได้มีนโยบายขอความร่วมมือจากประชาชน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เจ้าหน้าที่ในส่วนกลางและภูมิภาค ได้ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของรัฐบาล ทั้งนี้ ขอส่งกำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ในการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ด้วย สำหรับการปฏิบัติการฝนหลวง

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ (31 มี.ค. 2563) ไม่มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง เนื่องจากค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่ระดับการพัฒนาตัวของเมฆ มีค่าต่ำกว่า 60% ทำให้กลุ่มเมฆในพื้นที่เป้าหมายไม่พัฒนาตัว อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยปฏิบัติการฯ จะติดตามสภาพอากาศเป็นประจำทุกวัน หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย จะวางแผนช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทันที

ด้านแผนการปฏิบัติการฝนหลวงประจำวันที่ 1 เมษายน 2563 ตามที่กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยออกประกาศเขตพื้นที่ภัยแล้ง มีจำนวน 23 จังหวัด 139 อำเภอ 714 ตำบล 3 เทศบาล 6,065 หมู่บ้าน/ชุมชน บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่า 30% ของปริมาณน้ำใช้การ เป็นอ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ จำนวน 22 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 183 แห่ง สำหรับจุดความร้อนหรือจุดที่มีการเผาไหม้ (Hotspot) จากดาวเทียม ระบบ MODIS ในประเทศไทยพบว่ามีจำนวน 317 จุด กระจายอยู่บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ภาคเหนือมีเกณฑ์ค่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

รวมทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเกณฑ์ค่าคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และคุณภาพอากาศปานกลางบางพื้นที่ สำหรับพื้นที่ภาคกลาง มีเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลางถึงดี ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีเกณฑ์คุณภาพอากาศดีถึงดีมาก และคุณภาพอากาศปานกลางบางพื้นที่ ด้านแผนที่ปริมาณน้ำฝนสะสม 1 สัปดาห์ (25-31 มี.ค. 63) พบว่า บริเวณพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้บางส่วน มีปริมาณน้ำฝนสะสมอยู่ในระดับ 10 – 25 มิลลิเมตร