WHA คงเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯ 1,400 ไร่ อานิสงส์โควิด เช่าคลังสินค้าพุ่ง มั่นใจครึ่งปีหลังลงทุนคึก

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า ได้แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างของผู้ถือหุ้นจากบริษัท ดับบลิวเอชเอ โฮลดิ้ง (WHA HOLDING ) ซึ่งถือหุ้นโดย “จรีพร จารุกรสกุล และนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร” เป็น “จรีพร จารุกรสกุล และบุตรสาว” ซึ่งในครอบครัวยังถือหุ้นรวมกัน 45.51% โดยไม่ได้มีการขายหุ้นให้กับกลุ่มบุคคลอื่น และอำนาจในการควบคุมบริษัทฯ และโครงสร้างของคณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารยังคงเป็นไปตามเดิม จึงไม่กระทบต่อการบริหารและแผนการดำเนินธุรกิจ

สำหรับภาพรวมธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) แม้ว่าลูกค้าไม่สามารถเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรมได้ด้วยตัวเอง และบางรายขอเลื่อนเซ็นสัญญาออกไปก่อน แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกลุ่มลูกค้ารายใดยกเลิกสัญญา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่ง ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

คาดหวังว่าภายในครึ่งปีหลังวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในประเทศไทย จะสามารถคลี่คลายไปทางทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน กลับมาพลิกฟื้นได้เร็วขึ้น และเชื่อว่าภาพรวมยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะเติบโตได้ตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2563 จำนวน 1,400 ไร่ ในไทย 1,200 ไร่ ในเวียดนาม 200 ไร่

ส่วนแนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์นั้น ในปัจจุบันลูกค้าหลักคือกลุ่มอุตสาหกรรม Consumer, Health Care และ E-Commerce ได้รับประโยชน์โดยตรงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้พื้นที่เช่าคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้ามีมากขึ้น บริษัทฯ จึงยังคงเป้าพื้นที่เช่าคลังสินค้าในปี 2563 เพิ่มขึ้น 2 แสนตารางเมตร ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตารางเมตร


ขณะที่ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค จะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และจากการที่ WHAUP ได้ลงทุนด้านน้ำประปาที่เวียดนาม ทำให้บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตจากธุรกิจน้ำในปี 2563 เพิ่มขึ้น 34% เป็น 147 ลูกบาศก์เมตรจากปีก่อนที่มีปริมาณการขายและให้บริการน้ำ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเดินหน้าตามแผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 6% เป็น 591 เมกะวัตต์