วราวุธลุยต่อโรดแมปลดขยะพลาสติก ยกร่าง กม. พร้อมดึงตลาดสดช่วยลดค่าแผงจูงใช้แม่ค้าเลิกใช้ถุงก็อบแก็บ ต่อยอดผนึก PTTGC หวังใช้โมเดลแบรนด์หรู PRADA-กุชชี่ สร้างผลงานแฟชั่นจากขยะรุ่นลิมิเต็ด ตามแนวคิด circular economy
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงการดำเนินงานตามโรดแมปการลดการใช้พลาสติกว่า ขณะนี้กระทรวงอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง หรือถุงที่มีความหนา 35 ไมครอน พร้อมทั้งได้สั่งการให้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมสำรวจและประเมินผลหลังมาตรการลดใช้พลาสติกที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าสามารถลดการใช้ได้มากน้อยเพียงใด คาดว่าสรุปได้ในเดือนนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
“หากพบว่าห้างโมเดิร์นที่เข้าร่วมโครงการไม่ลดการใช้ตามแคมเปญ ก็จะดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพราะเท่ากับว่าเป็นการดึงผมไปหลอกประชาชน หัวใจสำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่การเลิกใช้ถุงพลาสติก และไม่ใช่ถุงพลาสติกไม่ดี แต่คนที่ใช้แล้วทิ้งไม่มีวินัยต่างหากที่ไม่ดี เราแค่ให้เลิกใช้ถุงพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง เพื่อลดปริมาณขยะ และลดการใช้วัตถุดิบลอแมทีเรียล ซึ่งเป็นการสานต่อนโยบายเดิมที่มีอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ลดปริมาณขยะเราจะมีปัญหา จึงมีคอนเซ็ปต์ Reduct Reuse Recycle และปัจจุบันมี upcycling เพิ่มด้วย”
ส่วนกรณีที่มีคนกล่าวว่า การลดใช้ถุงพลาสติกหันมาใช้ถุงผ้าไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องการปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์นั้น ขอให้มองว่าไม่มีใครใช้ถุงผ้าแค่ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ตลอดไลฟ์ไซเคิลของถุงผ้าใบหนึง สมมุติเราใช้ถุงผ้า 100-500 ครั้ง เราก็ประหยัดถุงพลาสติกได้ 100-500 ใบ ดังนั้น ถ้าเทียบสัดส่วนการลดการปล่อยคาร์บอน ถุงผ้า 1 ใบต้องเทียบกับการปล่อยคาร์บอนถุงพลาสติก 100-500 ใบ สเต็ปต่อไป ปี 2564 จะรณรงค์ให้ผู้ค้าในตลาดสดเริ่มหันมาใช้ถุงพลาสติกที่มีความหนา 70-80 ไมครอนแทนถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยมอบให้กรมควบคุมมลพิษไปประสานกับทางผู้ประกอบการตลาดสดทั่วประเทศ ขอความร่วมมือให้ช่วยลดค่าเช่าแผง เพื่อสร้างแรงจูงใจให้พ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดหันมาใช้ถุงพลาสติกที่มีความหนามากขึ้น
“ต้องยอมรับว่าต้นทุนการซื้อถุงพลาสติกแบบหนาต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 20 สตางค์ต่อใบ เป็น 80 สตางค์-1 บาทต่อใบ หรือเพิ่ม 4-5 เท่า จึงถูกมองว่าเป็นการผลักภาระนี้ไปให้พ่อค้าแม่ค้า แต่อีกมุมหนึ่งว่าผมว่าพ่อค้าแม่ค้ายังใช้เงินค่าถุงเท่าเดิม แต่มาตรการนี้จะบีบผู้ใช้ให้ใช้ถุงพลาสติกอย่างรู้คุณค่ามากขึ้น”
นอกจากการลดขยะแล้ว ยังมุ่งนำขยะกลับมา upcycling โดยล่าสุดกรมอุทยานฯลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ PTTGC เพื่อขอให้ช่วยกรมอุทยานแห่งชาติด้วยการนำขยะพลาสติกทั้งหลายกลับมาแปรรูปเป็นสินค้าก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน คืนคุณค่าให้ธรรมชาติตามแนวคิด (คอนเซ็ปต์) ของ circular economy ให้ครบทั้งวงจร ตอนนี้มีตัวอย่างผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นแบรนด์ PRADA GUCCI ที่นำวัสดุใช้แล้วกลับมาผลิตเป็นกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ด เช่น PRADA Green Nylon ขายได้ราคาสูง และหาซื้อยากมาก