“SCG มิตรผล ซีพี เซ็นทรัล กระทิงแดง ไทยเบฟ” ย้ำไม่ปลดคน-หนุนเครื่องมือแพทย์ต้านโควิด

บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ SCG มิตรผล ซีพี เซ็นทรัล กระทิงแดง ไทยเบฟเวอเรจ จับมือสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ หวังยับยั้งการแพร่เชื้อระบาด ลั่นจะไม่มีการปรับลดพนักงาน ยังให้ทำงานเพื่อให้เศรษฐกิจยังขับเคลื่อนได้

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าว ภาคเอกชนรวมพลังสนับสนุนมาตรการเพื่อหยุดยั้ง การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า ขณะนี้หอการค้าไทยอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหา สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศ รวมไปถึงแนวทางการเปิดให้บริการ สำหรับภาคธุรกิจภายหลังสถานการณ์ดีขึ้น หรือภายหลังเมษายน 2563 นี้ โดยจะนำเสนอให้กับนายกรัฐมนตรีในการพิจารณาต่อไป แต่ระหว่างนี้ เอกชนรายใหญ่ได้ร่วมมือและช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะช่วยเหลืออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสถานพยาบาลสำคัญทั่วประเทศ เพื่อยับยุ่งการแพร่เชื้อระบาด

โดยเป้าหมายต้องการช่วยให้ประเทศไทยสามารถยับยั้งการแพร่เชื้อและให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น ซึ่งแต่ละบริษัทรายใหญ่ เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด เอสซีจี สนับสนุน ห้องตรวจคัดกรองความเสี่ยงเพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 ได้สนับสนุนไปส่วนหนึ่ง และขณะนี้อยู่ระหว่างการกระจายให้กับโรงพยาบาลอีก 5 แห่ง กล่องป้องกันการฟุ้งกระจาย เป็นต้น

บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด และบริษัทในเครือ กลุ่มธุรกิจ TCP สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องตรวจอัตโนมัติเพื่อช่วยเชื้อ จัดส่งหน้ากากอนามัย ผลิตตู้วัดตรวจโควิด สนับสนุน ชุด PPE หน้ากาก N95 เป็นต้น

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สนับสนุนแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการดูแลลูกค้าและพนักงานที่ใช้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด สนับสนุนแอลกอฮอล์กว่า 20,000 ลิตร จัดซื้อเครื่องตรวจเชื้อ พร้อมกับตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือทางการแพทย์

“เอกชนร่วมมือกันสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับแพทย์ โรงพยาบาล เพื่อยับยั้งการแพร่เชื้อ หากหยุดได้จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็ว เพราะยังมองว่าปัญหายังอยู่ไปอีกระยะไม่ได้จบได้ในทันที และหลายประเทศต่างเร่งแก้ไขปัญหานี้ พร้อมกันนี้ เพื่อยังให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเอกชนยืนยันแล้วว่าจะไม่ปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว”

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SITHAI กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าปัญหายังคงยืดเยื้อ ดังนั้น สิ่งที่หลายฝ่ายรวมถึงภาครัฐอาจจะต้องพิจารณามาตรการไว้รองรับระหว่างที่เกิดปัญหาและหลังจากสถานการณ์ได้คลี่คลายว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจและภาคธุรกิจให้กลับมาดำเนินการและประกอบการกิจการได้ โดยภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลายให้ได้โดยเร็วที่สุด อีกทั้งทำให้เศรษฐกิจไทยพยุงตัวเองผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และมาตรการต่าง ๆ ก็ต้องการให้ดูครบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากต้องยอมรับว่าบางอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบต่อไม่ได้อยู่ในมาตรการเยียวยาและดูแลจากภาครัฐ เบื้องต้น จากที่คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจ ติดลบ 5% คาดว่าโอกาสจะติดลบ สูงถึง ติดลบ 8% ถึง ติดลบ 10%

นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนในองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวว่า บริษัทถือว่าเป็นผู้ผลิตอาหารเป็นหลัก ดังนั้น ยืนยันว่าอาหารที่ผลิตจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างแน่นอน ล่าสุด ได้งดการส่งออกไข่ไก่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้ประชากรภายในประเทศมีไข่ไก่ได้บริโภคอย่างเพียงพอ อีกทั้ง ทางบริษัท ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างแน่นอน อีกทั้ง จะเร่งการผลิตสินค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่อยู่ระหว่างการ WFH ทางบริษัท รับพนักงานรับส่งสินค้าของบริการ 7-11 กว่า 20,000 อัตรา ทั้งนี้ นอกจากช่วยเหลือให้คนที่ตกงานมีงานทำแล้วก็ยังเป็นบริการประชาชนลดการแพร่เชื้อได้

นอกจากนี้ บริษัทในเครือยังสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยายาลด้วย รวมไปถึงการเร่งติดตั้งเครื่องผลิตหน้ากากอนามัย เชื่อว่าจะผลิตได้และกระจายให้กับประชาชนและสถานพยาบาลได้เร็วนี้ โดยกำลังการผลิตอยู่ที่ 3 ล้านชิ้นต่อเดือน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนภาคเอกชนในเรื่องของแพลตฟอร์มการประชุมทางไกลด้วย รวมไปถึงสถานศึกษาต่างๆ อย่างไรก็ดี บริษัทในเครือยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงานแน่นอน

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในกลุ่มของบริษัท ยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับลดพนักงาน อีกทั้งทางบริษัทยังได้ปรับปรุงการทำงานให้กับพนักงานให้สามารถทำงานที่บ้านได้ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ ทั้งนี้ เพื่อให้พนักงานยังมีรายได้ โดยบริษัทในเครือมีพนักงานประมาณ 80,000 คน พร้อมกันนี้ บริษัทก็ช่วยเหลือสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลได้มีอุปกรณ์ป้องกันและตรวจสอบเชื้อ นอกจากนี้ พบว่ามีบางจังหวัดอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดห้างสรรพสินค้า เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ทางบริษัทเองก็พร้อมที่จะเตรียมการในการเปิดให้บริการ พร้อมมาตรการการป้องกันการใช้บริการ และการป้องกันการแพร่เชื้อด้วย เพื่อไม่ให้ส่งกระทบต่อผู้ใช้และผู้ให้บริการ