ฟิลลิป มอร์ริสประกาศราคาใหม่หลังปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต

ภายหลังจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตบุหรี่รวมถึงโรงงานยาสูบ และผู้นำเข้าหลายรายได้ทยอยปรับราคาขายปลีกสินค้าอย่างต่อเนื่องรวมถึงผู้นำเข้า ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด

นายเจอรัลด์ มาร์โกลีส กรรมการผู้จัดการใหญ่ของฟิลลิป มอร์ริส สาขาประเทศไทยได้แจ้งราคาขายปลีกแนะนำสินค้ายาสูบต่อคู่ค้า โดยช่วงราคาที่ปรับใหม่มีตั้งแต่ราคา 60 บาทไปจนถึงราคา 165 บาทต่อซอง โดยราคาใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2560 เป็นต้นไป

“บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกแนะนำของสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเนื่องจากภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้าของเราอยู่ในกลุ่มพรีเมี่ยมและราคากลาง ซึ่งมีอัตราภาษีที่สูงกว่าอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการปรับราคา สินค้าทุกตัวในพอร์ทโฟลิโอของเราอยู่ในกลุ่มที่ต้องเสียภาษีขามูลค่าที่อัตราร้อยละ 40 จากราคาขายปลีก ในขณะที่กลุ่มสินค้าราคาตั้งแต่ 60 บาทต่อซองลงไปจะเสียภาษีขามูลค่าอยู่แค่ร้อยละ 20 ของราคาขายปลีก เราต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกแนะนำสำหรับสินค้าของบริษัทเกือบทุกตัว เพื่อสะท้อนภาระภาษีที่ภาครัฐคาดหวังที่จะเก็บได้ต่อซองและสอดคล้องกับเป้าหมายด้านรายได้จัดเก็บของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เราได้กำหนดราคาขายปลีกแนะนำสินค้าหนึ่งตัวที่ราคา 60 บาทต่อซอง ซึ่งจะมีการจัดเก็บภาษีที่ร้อยละ 20 ของขามูลค่า การตัดสินใจด้านราคานี้เป็นไปเพื่อให้เรายังคงความสามารถในการแข่งขันได้”

เมื่อกล่าวถึงผลกระทบของธุรกิจยาสูบจากโครงสร้างภาษีใหม่นี้ นายมาร์โกลีสกล่าวว่า “อัตราจัดเก็บใหม่นี้สร้างภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ผลิตและผู้นำเข้าเกือบจะทุกราย รวมถึงภาระต่อผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าภาระภาษีของสินค้าที่ราคาที่ต่ำสุดในตลาดจะมีการเก็บเพิ่มขึ้น แต่ภาระภาษีของสินค้ากลุ่มที่มีราคา 60 บาทขึ้นไปนั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า ซึ่งจะเป็นการเอื้อให้เกิดการหันลงไปหาของถูกมากขึ้น ฉะนั้น ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เราคาดการณ์ได้ว่าธุรกิจบุหรี่คงจะหดตัวลงพอสมควร และการหันไปหาสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 60 บาทคงจะมีมากขึ้น รวมถึงสินค้าในกลุ่มประเภทยาเส้นมวนเอง และบุหรี่เถื่อนก็คงจะเติบโตด้วย”


กรรมการผู้จัดการใหญ่ของฟิลลิป มอร์ริส สาขาประเทศไทยกล่าวเสริมว่า แผนการช่วงเปลี่ยนผ่าน 2 ปีของรัฐบาลที่จะปรับให้ภาษีสรรพสามิตบุหรี่เป็นอัตราเดียวกันหมดในปลายปี 2562 นั้นเป็นการดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้องและบริษัทฯ ก็สนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่และวิงวอนให้มีการเร่งนำภาษีอัตราเดียวมาใช้โดยเร็วที่สุด “จนกว่าจะถึงปี 2562 ที่จะมีการปรับอัตราจัดเก็บเป็นอัตราเดียวนั้น ระบบภาษีที่เก็บแบบสองชั้นนี้จะยังทำให้เกิดการปฏิบัติที่แตกต่างต่อสินค้าในกลุ่มที่มีราคามากกว่า 60 บาทขึ้นไป ขณะนี้ฟิลลิป มอร์ริสกำลังเดินหน้าสู่การสร้าง ‘สังคมไร้ควัน’ และสนับสนุนนโยบายภาษีตามหลักการลดอันตรายในยาสูบที่จะช่วยให้ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่เปลี่ยนจากการใช้บุหรี่มาเป็นทางเลือกอื่นที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า เช่น ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ไม่มีการเผาไหม้ โดยผลิตภัณฑ์ทางเลือกนี้พร้อมทั้งระบบภาษีที่เหมาะสมจะช่วยสร้างประโยชน์ในด้านสุขภาพของประชาชนให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก”