กนอ.-กรมชลฯ เร่งวางท่อสูบน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำประแสร์ 5 แสนลบ.ม./วัน อนาคตหวั่นกระทบลงทุน EEC
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเรื่อง “วิกฤตสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก” ร่วมกับกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า จากตัวเลขน้ำสำรองในปัจจุบันมั่นใจว่าสามารถมีใช้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2563 นี้ แต่อย่างไรก็ตาม กนอ.ยังคงมีความเป็นห่วงปัญหาในช่วงหลังเดือนมิถุนายนและระยะยาวในปีต่อๆ ไป จึงได้เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งการผลักดันโครงการวางท่อสูบน้ำจากคลองสะพาน จ.ระยอง เพื่อวางท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ 1,800 มิลลิเมตร
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ซึ่งจะสามารถดึงน้ำเข้ามาเก็บที่อ่างเก็บน้ำประแสร์เพิ่มถึง 5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากปัจจุบันที่ได้วางท่อสูบน้ำชั่วคราว ขนาด 900 มิลลิเมตร สูบน้ำได้ประมาณ 1.5 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน
ขณะที่มาตรการขอความร่วมมือให้กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย นิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ลดการใช้น้ำลง 10% ในปีนี้ ทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายแต่หากเกิดภัยแล้งในปีหน้าขึ้นอีก ก็จะเป็นการยากที่จะลดการใช้น้ำลง 10% ได้ตามเป้า เนื่องจากเกิดการขยายโรงงาน และการลงทุนโรงงานใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ที่ผ่านมา กนอ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ให้เพียงพอในช่วงฤดูแล้ง ทั้งการเพิ่มนํ้าต้นทุนให้กับ 4 อ่างเก็บน้ำหลัก ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และอ่างเก็บน้ำประแสร์ โดยการสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแกด ลุ่มน้ำวังโตนด จังหวัดจันทบุรี ประมาณ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรไปเพิ่มน้ำต้นทุนยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง สร้างระบบสูบกลับชั่วคราวจากคลองสะพาน
ปรับปรุงระบบสูบกลับวัดละหารไร่จากแม่นํ้าระยองไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล รวมทั้งการเพิ่มน้ำต้นทุนในนิคมอุตสาหกรรมโดยการนำน้ำจากคลองชากหมากมาผ่านการบำบัด (Waste Water Reverse Osmosis : WWRO) และนำกลับมาใช้ใหม่
การขอความร่วมมือผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ปรับลดปริมาณการใช้น้ำลง 10 %
ขณะเดียวกันในปีนี้น้ำในภาคตะวันออกมีฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีน้ำไหลลงอ่างลดลงจากเดิมเนื่องจากฝนที่ตกไม่เข้าอ่างเก็บน้ำ ทำให้เรื่องน้ำเป็นปัญหาที่สำคัญจะต้องมีมาตรการแก้ไขที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าในปี 2563-2565 จะมีการตั้งโรงงานเพิ่มประมาณ 2 เท่าตัว และหากมีน้ำไม่เพียงพอก็อาจกระทบต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้
ขณะที่ความคืบหน้าของการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำวังโตนด อยู่ระหว่างการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยหากอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง ก่อสร้างเสร็จจะสามารถแบ่งปันน้ำเข้าสู่พื้นที่อีอีซีได้ประมาณ 100 – 150 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี