นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวภายหลังการประชุม ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในไทยและต่างประเทศ ฉุดเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ทุกด้าน และในช่วงไตรมาสที่ 2 การแพร่ระบาดยิ่งรุนแรงสะท้อนภาพการหดตัวที่ลึกขึ้น ผลกระทบขยายเป็นวงกว้างทั้งในภาคบริการ ภาคการผลิต รวมทั้งการจ้างงานและกำลังซื้อของประชาชน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
แต่ด้วยมาตรการรัฐที่ออกมาเยียวยา และทยอยผ่อนปรนให้กิจการบางประเภทกลับมาเปิดให้บริการ แต่หลายประเทศสถานการณ์ยังไม่ยุติ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะถดถอยในปี 2563 ซึ่งจะเป็นแรงกดดันอย่างต่อเนื่องต่อการส่งออกและภาคการผลิตในไทย จึงประเมินว่าทั้งปี 2563 GDP ไทยจะอยู่ที่ -5.0% ถึง -3.0% จากเดือน มี.ค. ที่ยังคงคาดการณ์ว่าจะโตได้ 1.5-2%
ขณะที่การส่งออกอาจจะหดตัว -10.0% ถึง -5.0% จากเดิมคาด -2 ถึง 0% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง 0.0% จากเดิม 0.8-1.5%
นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงประเด็นของ CPTPP ที่ กกร. มีความเห็นว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยให้มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเนื้อหา และจุดยืนในการเจรจาครั้งนี้ ว่าประเทศจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้เสนอข้อมูลให้ภาครัฐได้ทราบจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้น
โดย กกร. มีคณะทำงานที่มาจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ CPTPP ภายใน 1 เดือน
โดยจะเชิญนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ร่วมคณะหารือด้วยเช่นกัน และเพื่อช่วยเกษตรของไทย กกร. สนับสนุนให้ภาคเอกชนจะรับซื้อสินค้าเกษตร ได้แก่ ผัก ผลไม้ต่างๆ ที่ไม่สามารถส่งออกได้ เช่นกัน