ผุด “ตู้พาณิชย์ปันสุข” จุรินทร์ ลุยลดราคาสินค้าช่วยค่าครองชีพ

“พาณิชย์”เปิด “ตู้พาณิชย์ปันสุข” หน้ากระทรวงฯ นำสินค้าอุปโภคบริโภคใส่ตู้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ขณะที่ รมว.พาณิชย์ ลงตรวจเยี่ยมโครงการ พาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน มั่นใจช่วยลดค่าครองชีพได้มาก

นายบุญยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เปิด “ตู้พาณิชย์ปันสุข” หน้ากระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมแบ่งปันสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่อยู่ในพื้นที่รอบกระทรวงพาณิชย์ และใกล้เคียง ได้มีโอกาสรับการแบ่งปันจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประชาชนต้องเพิ่มระยะห่างทางสังคม และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้ประชาชนบางกลุ่มมีรายได้ลดลง

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการ และประชาชน ที่มีกำลัง และต้องการที่จะแบ่งปัน สามารถนำสินค้าเข้าไปใส่ไว้ในตู้พาณิชย์ปันสุข เพื่อร่วมกันแบ่งปันได้ด้วย

“กระทรวงพาณิชย์ได้เห็นถึงความสำคัญของการแบ่งปัน และต้องการช่วยเหลือสังคม จึงได้เปิดตู้พาณิชย์ปันสุข เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริโภคสินค้าให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย และแม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่กระทรวงพาณิชย์มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือประชาชน โดยขอให้หยิบแต่พอดี ซึ่งได้จำกัดไว้คนละ 3-4 ชิ้น เพื่อให้คนข้างหลังได้มีโอกาสได้รับสินค้า”นายบุณยฤทธิ์กล่าว

ขณะที่ วันนี้ (14 พฤษภาคม 2563) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างลงพื้นที่พร้อมปลัดกระทรวงพาณิชย์ รักษาการอธิบดีและรองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในการตรวจเยี่ยมโครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน ที่เดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เพื่อติดตามการดำเนินการของโครงการรวมไปถึงติดตามการปิดป้ายแสดงการลดราคา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงโครงการ ว่า โครงการดังกล่าวดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ลดราคาทั้งสิ้น 3,025 รายการ ลดสูงสุด 68% จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 นี้ โดยพบว่าสามารถช่วยเหลือประชาชนลดค่าครองชีพไปได้มาก และโครงการต่อไปจะขยายห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นเข้าโครงการเพิ่มขึ้น

โดยคาดว่า จะมีห้างท้องถิ่นเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 100 ห้าง สินค้าร่วมรายการเพิ่มอีก 1,000 รายการ คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการนั้นจะช่วยลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท