“มิตรผล-บ้านปู” มอบหอผู้ป่วย-เครื่องมือแพทย์ ช่วยรพ.ธรรมศาสตร์ 30 ล้านบาท ต้านโควิด

กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19 มอบหอผู้ป่วยวิกฤตระบบการหายใจบ้านปูและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ มูลค่า 30 ล้านบาท หวังช่วยลดความเสี่ยง เร่งการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ต่อยอดความรู้บุคลากรทางการแพทย์ระยะยาว

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บ้านปูฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งหาหนทางช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาประเทศ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด บ้านปูฯ จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล จัดตั้งกองทุน “มิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19” มูลค่ารวม 500 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนกันบริษัทละ 250 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือองค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นลำดับแรก เพราะเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนอย่างมากในการดูแลรักษาผู้ป่วยและควบคุมสถานการณ์ของวิกฤตโควิด-19

ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค.) ตนพร้อมด้วยคุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ได้เปิดหอผู้ป่วยวิกฤตระบบการหายใจบ้านปูที่สร้างเสร็จพร้อมใช้งานแล้ว และได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 30,000,000 บาท แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้การช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์โดยเฉพาะ ประกอบด้วย

1. ห้องผู้ป่วยความดันลบ (Negative Pressure) แบบแยกห้อง เพื่อใช้สำหรับรักษาและป้องกันการแพร่กระจายโรคสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 10 เตียง
2. ห้องหัตถการผู้ป่วยความดันลบ จำนวน 1 เตียง
3. เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 11 เครื่อง
4. อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ประกอบด้วย เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิทัล เครื่องส่องตรวจทางเดินหายใจ เครื่องวัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในลมหายใจออกและความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด เครื่องเฝ้าระวังและติดตามสัญญาณชีพ เครื่องกดนวดหัวใจอัตโนมัติ อุปกรณ์ส่องตรวจหลอดลม และชุดป้องกันอนุภาคที่เป็นอันตรายจากฝุ่นละอองและเชื้อโรค

นอกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติแล้ว บ้านปูฯ ยังได้ใช้งบประมาณจากกองทุนฯ เพื่อจัดสรรมอบเงินสนับสนุนแก่โรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ต่างๆ ในการช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว รวมไปถึงยังได้มอบถุงยังชีพอันประกอบด้วยข้าวของอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้หน่วยงานและประชาชนในจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง

“บริษัทฯ มองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้างซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มคนอีกหลายกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการตกงาน สภาวะเศรษฐกิจหดตัว ส่งผลให้ขาดรายได้และกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ด้วย ซึ่งตลอดการบริจาคจนถึง ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2563 กองทุนมิตรผล-บ้านปู ได้บริจาคไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท”

ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ให้ข้อมูลว่า ห้องความดันลบนั้นมีคุณสมบัติในการปรับความดันอากาศภายในห้องให้เป็น Negative หรือมีแรงดันต่ำกว่าภายนอกห้องจึงทำให้อากาศภายในห้องที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนไม่สามารถแพร่ออกสู่ภายนอกห้องได้ แต่เดิมโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ มีห้องความดันลบจำนวน 4 ห้องซึ่งไว้ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อต่างๆ เช่น วัณโรค จนกระทั่งมีโรคอุบัติใหม่นี้ขึ้นมา นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ทางโรงพยาบาลได้รับผู้ที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อมาตรวจคัดกรองทั้งสิ้น 1,018 ราย และมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในความดูแลมากถึง 31 ราย

“การที่บ้านปูฯ ให้การสนับสนุนสร้างหอผู้ป่วยความดันลบเพิ่มเติมจึงมีคุณประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งเป็นการแยกผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเป็นสัดส่วนและยังช่วยให้ทางโรงพยาบาลสามารถนำห้องปกติไปช่วยดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ส่วนเครื่องช่วยหายใจก็มีความจำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะล้มเหลวจากการหายใจที่เกิดจากปอดอักเสบ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญเช่นกัน”

รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองถึงโอกาสการต่อยอดประโยชน์จากห้องความดันลบที่ได้มาจากบ้านปูฯ ไปใช้ในด้านการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ เพราะห้องความดันลบนับว่าเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงมาก ที่ผ่านมาจำเป็นต้องใช้สำหรับรับรองผู้ป่วยโรค ติดเชื้อมาโดยตลอด โดยเฉพาะโรควัณโรค ดังนั้นเมื่อจบวิกฤตโควิด-19 แล้ว จำนวนห้องที่เพิ่มขึ้นจากการบริจาคของบ้านปูฯ นี้ จะช่วยเปิดโอกาสให้ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สามารถประสานความร่วมมือเพื่อให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ได้มาเรียนรู้ทำความเข้าใจเครื่องมือที่ครบครันและได้มาตรฐาน โดยนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยดูแลผู้ป่วยและพัฒนาวงการแพทย์ในอนาคต

นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับศักยภาพของห้องปฏิบัติการรักษาผู้ป่วยในความดูแลของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์อีกด้วย เพราะจากแนวโน้มของมลพิษและความผันผวนของธรรมชาติในปัจจุบันก็เป็นไปได้ว่าจะมีผู้ป่วยที่เกี่ยวกับโรคปอด หัวใจ และระบบทางเดินหายใจหรือการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่อาจอุบัติขึ้นได้ใหม่