จดทะเบียนธุรกิจเมษายนลดฮวบ 34% มั่นใจครึ่งปีหลังดีขึ้น หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการ

Pixabay

กรมพัฒนาธุรกิจฯ เผยการจดทะเบียนธุรกิจใหม่เมษายน 2563 ลดลง 34% จากปัญหาโควิด-19 ย้ำครึ่งปีหลังจะดีหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมากขึ้น

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ผลการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนเมษายน 2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนเมษายน 2563 จำนวน 3,996 ราย ลดลง 2,070 ราย หรือประมาณ 34%จากเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 6,066 ราย เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 1,948 ราย หรือประมาณ 33% และเมื่อดู 4 เดือนแรก ม.ค. – เม.ย. 2563 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ ทั้งสิ้น 23,411 ราย ลดลงจำนวน 3,283 ราย หรือประมาณ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

โดยปัจจัยหลักยังเป็นผลกระทบจากปัญหาของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มในการชะลอการตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก ก่อนตัดสินใจทำธุรกิจ

ทั้งนี้ ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 471 รายรองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 169 ราย และอันดับ 3 คือ ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 127 ราย

ขณะที่ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนเมษายน 2563 มีจำนวน 817 ราย ลดลง 130 ราย หรือประมาณ 14% จากเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวน 947 ราย และเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 168 ราย หรือประมาณ 17% และเมื่อดูการจดทะเบียนเลิกตั้งแต่เดือนม.ค. – เม.ย. 2563 มีจำนวนเลิกกิจการ 3,986 รายถือว่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติและสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 79 ราย รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 45 ราย และธุรกิจภัตตาคาร/ ร้านอาหาร จำนวน 37 ราย

ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 เม.ย. 63) จำนวน765,345 ราย มูลค่าทุน 18.63 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,774 ราย บริษัทจำกัด จำนวน 576,306 ราย และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,265 ราย

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับมาตรการดูแลเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เริ่มกระจายสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในครึ่งหลังของ ปี 2563 จะปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปลายปีนี้

สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว เดือนเมษายน 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 55 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 26 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 29 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,252 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 17 ราย เงินลงทุน 2,456 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 1,648 ล้านบาท และสิงคโปร์ 11 ราย เงินลงทุน 1,138 ล้านบาท