39 รายชิงประมูลข้าวลอตสุดท้าย อคส.ตั้งทีมสอบปมค่าเช่าคลังสิงห์โตทอง

39 รายแห่ประมูลข้าวสารรัฐลอตสุดท้าย 2 แสนตัน อคส.ตั้งทีมสอบค่าคลัง หลังโรงสีสิงห์โตทองจี้รัฐจ่ายค่าเช่า-ค่าใช้จ่าย 700 ล้านบาท หวั่น “ใช้สิทธิ์ยึดหน่วงรับมอบไม่ได้” ด้านตลาดส่งออกคึก เอกชนลุ้นพาณิชย์ โดดแจมขายจีทูจีข้าว 25% ฟิลิปปินส์บิ๊กลอต 3 แสนตัน 8 มิ.ย.นี้ ชิงดำเวียดนาม-เมียนมา-อินเดีย ราคาถูกกว่า 30-150 เหรียญสหรัฐ/ตัน

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า กรณีบริษัทโรงสีสิงห์โตทองยื่นหนังสือต่อประธานบอร์ด อคส. ขอให้ยุติการประมูลข้าวสาร ครั้งที่ 1/2563 ปริมาณ 200,000 ตัน เนื่องจากลอตข้าวดังกล่าวมีข้าวที่ติดค้างอยู่ในคลังของบริษัท 140,000 ตัน ต้องการให้ อคส.ชำระค่าเช่าคลังและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องจากปัญหากรณีข้าวถุง อคส.นั้น ทาง อคส.ยังคงเปิดประมูลตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบให้ อคส.เปิดประมูลข้าวดังกล่าวแล้วเสร็จภายใน 30 ก.ย. 2563

พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.)

ส่วนการแก้ปัญหากับโรงสีสิงห์โตทองนั้น อคส.อยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขอความร่วมมือจากพนักงานสอบสวนร่วมด้วย และตรวจสอบให้เสร็จภายใน 1 เดือน หรือภายใน 30 มิ.ย. 2563

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา อคส.ชำระค่าเช่าคลังให้สิงห์โตทองแล้ว 240 ล้านบาท จากทั้งหมด 297 ล้านบาท ยังเหลือ 50 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกประมาณ 700 ล้านบาท จากการดำเนินโครงการข้าวถุงที่มีปัญหาตั้งแต่ปี 2557 ไม่รวมดอกเบี้ยอีก 300 ล้านบาท ซึ่งในส่วนค่าเช่าคลังนั้น อคส.จะดำเนินการจ่ายให้แล้วเสร็จแน่นอน ส่วนกรณีข้าวถุงอคส.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากพิสูจน์ได้ว่าสิงห์โตทองไม่มีความผิด อคส.จะดำเนินการจ่ายเงินดังกล่าว ส่วนดอกเบี้ยอาจขอเจรจาไกล่เกลี่ยอีกครั้ง ทั้งหมดต้องเป็นไปตามหลักฐานและ
ข้อเท็จจริง ที่ผ่านมา อคส.เคยทำหนังสือขอความเห็นไปทางกฤษฎีกาแล้ว ยังไม่ได้มีการตีความเรื่องนี้ชัดเจน

“หากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้ออาจส่งผลต่อการส่งมอบข้าวสารให้กับผู้ชนะประมูลไม่ได้ตามกำหนดเวลาทำให้ อคส.กลายเป็นคู่กรณีปัญหาทั้งฝ่ายผู้ชนะประมูลที่ไม่สามารถรับมอบข้าวออกจากคลังได้ และทางสิงห์โตทองซึ่งเป็นคู่กรณีเดิม ที่ก่อนหน้านี้ อคส.ได้เคยประมูลข้าวในคลังนี้ไป 30,000 ตัน แต่โรงสีใช้สิทธิยึดหน่วงไม่เปิดคลังให้รับมอบข้าวดังกล่าว จึงต้องนำกลับมารวมประมูลในรอบนี้อีกครั้ง”

ส่วนผลการประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลครั้งนี้ จากที่เปิดให้ผู้สนใจตรวจสอบคุณภาพข้าวในคลัง ตั้งแต่วันที่ 14-20 พ.ค. 2563 และในวันนี้ (26 พ.ค. 2563) มีผู้ยื่นเสนอซื้อ 36 รายจากผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ 58 ราย แบ่งเป็น ข้าวสารเป็นการทั่วไปปริมาณ 34,407 ตัน ยื่นซื้อ 15 รายจากที่ผ่านคุณสมบัติ 23 ราย ข้าวเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปริมาณ 74,299.6 ตัน 15 รายจากที่ผ่าน22 ราย และข้าวเพื่อใช้ในกลุ่มที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมอาหารคนและอาหารสัตว์ ปริมาณ 38,592.4 ตัน ยื่นซื้อ 9 รายจากที่ผ่าน 13 ราย

จากนี้ทางคณะกรรมการระบายข้าวอคส. ซึ่งมี ผอ.ส่วนงานบริหารผลิตภันฑ์เกษตรกร อคส. เป็นประธานและตัวแทนจากกรมการค้าภายในกรมการค้าต่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาผู้ที่เสนอราคาสูงสุด ก่อนสรุปเสนอ นบข. เพื่อให้ ผอ.อคส.ลงนามในสัญญาต่อไป

“คณะกรรมการจะพิจารณาผู้ที่ให้ราคาเสนอซื้อสูงสุด เพราะข้าวสารที่นำมาประมูลไม่ใช่ข้าวใหม่ ไม่มีเกณฑ์ราคากลางเทียบได้ในตลาด และจะพิจารณาคุณสมบัติผู้ชนะว่าดำเนินกิจการดังกล่าวจริงหรือไม่ เพื่อเสนอที่ประชุม นบข.พิจารณา และผอ.อคส. ทำสัญญาจำหน่าย แต่ในกรณีที่ยังไม่มี ผอ.อคส. เป็นหน้าที่ของรักษาการ ผอ.อคส.แทน แต่หากไม่สามารถประมูลได้ทัน อคส.จะขอขยายเวลา 1 ปี ถึง 30 ก.ย. 2564”

แหล่งข่าวจากวงการข้าว ระบุว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ส่งหนังสือเชิญกรมการค้าต่างประเทศเข้าร่วมประมูลขายข้าวขาว 25% แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) 300,000 ตัน วันที่ 8 มิ.ย.นี้เพื่อส่งมอบในเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2563 โดยจะประชุมทางไกลชี้แจงการประมูลในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ก่อนเสนอรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ พิจารณาเข้าร่วมจีทูจี

“เวียดนาม และเมียนมาได้รับเชิญเข้าร่วมจีทูจีด้วย จึงยังไม่รู้ว่าแต่ละฝ่ายจะเสนอราคาที่เท่าไร ปัจจุบันราคาข้าว 25% ไทยอยู่ที่ตันละ 480-490 เหรียญสหรัฐ ส่วนเวียดนามตันละ 450-460 เหรียญ ห่างกันตันละ 20-30 เหรียญสหรัฐ แต่ต้องรอติดตามว่าถ้าอินเดียเข้าร่วมด้วยจะเหนื่อย เพราะตอนนี้ราคาของอินเดียตันละ 330-340 เหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าไทยและเวียดนามตันละ 120-150 เหรียญสหรัฐ และยังมีปากีสถานที่ราคาตันละ 390-400 เหรียญอีก”