กยท.หารือ BOI อัดฉีดลงทุน ชี้น้ำยางไทยราคาพุ่งแซงยางแผ่น

Photo by Jonathan KLEIN / AFP) / TO GO WITH AFP STORY: Thailand-China-US-rubber-economy-trade, FOCUS by Sophie DEVILLER

กยท. หารือ บีโอไอ อัดฉีดลงทุน ชี้น้ำยางไทยราคาพุ่งแซงยางแผ่นหลังโควิดซา นักลงทุนจากหลายประเทศ อาทิ สเปน สหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรป เล็งตั้งโรงงาน

นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำยางสดเดือนมิ.ย.2563 ราคาน้ำยางข้นเพิ่มขึ้นเป็น 44.52 บาท /กิโลกรัม(กก.) เพิ่มขึ้น 4.34 บาท/กก.หรือเพิ่มขึ้น 10.89% จากเดือน ม.ค.ที่มีราคา อยู่ที่ 40.18 บาท/กก.

ประธาน กยท. ระบุว่า หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 6.46% จาก 52 บาท/กก.ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลให้มีความต้องการน้ำยางข้นเพื่อผลิตถุงมือยาง

นอกจากนี้ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายผลิตภัณฑ์ทำจากยาง เริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น เช่น ถุงมือยางเพื่อใช้ในการแพทย์เพิ่มขึ้น ถุงยางอนามัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก่อนประเทศผู้ผลิตยางรายอื่นและเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โรงงานประกอบรถยนต์เริ่มเปิดสายการผลิตอีกครั้ง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น จากอุปสงค์น้ำมันจะฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งนักลงทุนเริ่มเข้าซื้อยางในตลาดล่วงหน้าอีกครั้ง

“กลุ่มประเทศ ในยุโรป สหรัฐอเมริกา สเปน สนใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงาน เพื่อผลิตถุงมือยางในประเทศจำนวนมาก เพราะมองว่าจากการระบาดของโควิด-19 ความต้องการถุงมือยางยังจะมีมากอยู่อีก 3-5 ปี ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่น้ำยางข้น ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำมีราคาพุ่งสูงกว่ายางชนิดอื่นๆ ทุกชนิด และคำสั่งซื้อยางพาราไทยยาวไปถึงปลายปีแล้ว ”

ตัวเลขส่งออกยางทั่วโลก

นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วน 5 เดือนแรกของปี 2563 ระหว่างเดือน ม.ค.-พ.ค. ไทยส่งออกยางพาราได้ 1,686,992.16 ตันคิดเป็นสัดส่วน 42.4% ของยอดขายรวมทั้งปี 2562 ปริมาณ 3,978,984.18 ตัน ลดลง 61,413.02 ตัน ลดลง 3.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ส่งออกได้ 1,748,405.1 ตัน

ทั้งนี้ ประเทศ จีนนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนา2019(โควิด-19) โดยจีนนำเข้า 1,069,889.3 ตัน เพิ่มขึ้น 97,500 ตันหรือ เพิ่มขึ้น 10.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนนำเข้ายางพาราจากไทยปริมาณ 972,389 ตัน โดยคิดเป็นสัดส่วน 63.42%ของการส่งออกทั้งหมด

สำหรับ ประเทศคู่ค้าอื่นปรับตัวลดลงหมด ได้แก่ ไทยส่งออก มาเลเซีย 148,919.40 ตัน ลดลง 14,447.70 ตันปรับตัวลดลง 8.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งออกได้ 163,367.11 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 8.83 % ของการส่งออกทั้งหมด, สหรัฐอเมริกา ส่งออกได้ 77,549.89 ตันลดลง 29,978.26 ตันลดลง 27.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 107,528.14 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 4.6%

ส่วน ญี่ปุ่น ส่งออกได้ 80,995.73 ตันลดลง 12,651.56 ตันลดลง 13.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 93,647.29 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 4.8%,เกาหลีใต้ ส่งออกได้ 39,064.35 ตันลดลง 9,572.56 4 ตันลดลง 19.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 48,636.8 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 2.3%และอื่นๆ ส่งออกได้ 270,573.44 ตันลดลง 92,263.36 ตัน ลดลง 25.43%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 362,836.80 ตัน คิดเป็นสัดส่วน 16.04%

นอกจากนี้ วันนี้ (22 มิ.ย.) นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านธุรกิจและปฏิบัติการ เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วย นางณพรัตน์ วิชิตชลชัย รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิตยาง และผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนประชุมหาแนวทางการส่งเสริมการลงทุนในกิจการด้านยางพาราคาเพื่อปรับปรุงเงื่อนไข สิทธิและประโยชน์ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตยกระดับศักยภาพทางการแข่งขัน ผลักดันภาคอุตสาหกรรมยางพาราภายในประเทศ สนับสนุนการเพิ่มมูลค่ายางพารา