“สนธิรัตน์” ตรึง LPG ขายปลีก 15 กก. ที่ 318 บาท/ถัง ดัน PDP ฉบับแก้ไขใหม่เข้า ครม. 30 มิ.ย.

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามแนวทางคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ขยายมาตรการลดราคา LPG 45 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.)หรือราคา 318 บาทต่อถังออกไปอีก 3 เดือนมีผล‪ตั้งแต่ 24‬ ‪มิ.ย.-30‬ ‪ก.ย.‬ 2563

อย่างไรก็ตามในส่วนมาตรการลดอัตราค่าไฟฟ้า 3 เดือน ให้กับประชาชนทั่วไปที่จะสิ้นสุดเดือน มิ.ย.นั้น จะไม่มีการต่ออายุมาตรการดังกล่าว เนื่องจากนโยบายดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือในช่วงการทำงานอยู่บ้าน(WFH) แต่ขณะนี้สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลาย แต่อาจจะหามาตรการเพิ่มเติมในการดูแลภาคส่วนอื่นๆโดยเฉพาะเกษตรกร

ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลก โดยราคาน้ำมันดิบดูไบตลาดโลกเริ่มปรับตัวสูงหลังโควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย โดยล่าสุด 22 มิ.ย.ราคากลับมาเฉลี่ยที่ 42 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากเมื่อ 23 เม.ย.เป็นราคาต่ำสุดอยู่ที่ 19.46 เหรียญฯต่อบาร์เรล

ดังนั้นจึงประมาณการณ์กรอบราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยจนถึงสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ราว 40-50 เหรียญฯต่อบาร์เรล

ขณะที่สถานการณ์ราคา LPG ในตลาดโลก ยังคงมีความผันผวน ราคาขึ้นลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยราคาปรับลงจาก 255 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในเดือนมีนาคม 2563 เหลือ 206 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนเมษายน 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 269 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ในเดือนพฤษภาคม 2563

จากนั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 315 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ต้นเดือนมิถุนายน 2563 กลางเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 321 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน โดยคาดว่าในปีนี้ราคาจะไม่ปรับขึ้นเกินกว่า 400 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน

อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของกลุ่มก๊าซ LPG มีรายวันละ 7.87 ล้านบาท หรือประมาณเดือนละ 236 ล้านบาท ส่วนประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2563 มีจำนวน 34,199 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทน้ำมัน 40,617 ล้านบาท ประเภท LPG ติดลบ 6,418 ล้านบาท

และในวันพรุ่งนี้ ( ‪25‬ ‪มิ.ย. 2563‬) ตนเตรียมถกแผนงานในการใช้พลังงาน เพื่อการลดค่าครองชีพและสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางมาประชุมพลังงานสร้างชาติ ร่วมกับคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัดเพื่อที่จะสรุปแผนงาน

ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าลงทุน ไม่ต่ำกว่าระดับแสนล้านบาทที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

โดยแผนงานจะมีทั้งระยะสั้น 3-6 เดือน และระยะยาว เช่น โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก คาดว่าจะสามารถนำเสนอแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบภายในวันที่ ‪30‬ ‪มิ.ย.‬ 2563 นี้ รวมถึงการลดค่าครองชีพ ดูแลภาคเกษตร เป็นต้น

และเตรียมเสนอนายสมคิด ถึงมาตรการที่กฟผ. จะช่วยเหลือลดค่าครองชีพได้แก่ การลดค่าไฟฟ้าให้ กับภาคผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี ) และภาคเกษตร โดยนำไฟฟ้าสำรองส่วนเกินมาดำเนินการช่วยเหลือเรื่องนี้ เนื่องจากปกติแล้ว ไฟฟ้าสำรองตามมาตรฐาน ควรมีไม่เกิน 15% แต่ ปัจจุบัน สำรองไฟฟ้ามีมากกว่า 30%