“สมคิด” สั่งพลังงานเดินหน้าลงทุน 2 แสนล้าน ตรึงราคาก๊าซหุงต้มถึงสิ้นปี63

“สมคิด ” มอบนโยบาย กระทรวงพลังงาน ย้ำ “พลังงานสร้างชาติ” เน้นแผนกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากหลังโควิด-19 ดีขึ้น คาดจะมีเม็ดเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบาย “พลังงานสร้างชาติ” ที่กระทรวงพลังงานโดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ประชุม ร่วมกับคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงานและหน่วยงานในสังกัด ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อมอบนโยบายและสนับสนุน ติดตามงานแผนการใช้พลังงานเพื่อการลดค่าครองชีพและสร้างรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท โดยหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นครึ่งปีหลังนี้กระทรวงพลังงานจะเดินหน้าเต็มที่

โดยจะเดินหน้า 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.ลดรายจ่ายแก่ประชาชนช่วงโควิด-19 รวมกว่า 40,500 ล้านบาท จากที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้และยังคงเดินหน้าต่อไปถึงสิ้นปี 2563 ผ่านมาตรการสำคัญ เช่น ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและภาคธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้าจากการนำเข้า Spot LNG การยกเว้นเก็บอัตราค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ (Minimum charge) ถึง กันยายน 2563

การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี )ถึงเดือนกันยายน 2563 และจะพิจารณาขยายไปถึงธันวาคม 2563 การช่วยเหลือส่วนต่างราคา NGV สำหรับรถสาธารณะ โดย ปตท. ช่วยเหลือส่วนต่างราคาจนถึงเดือนกรกฎาคม 2563 และการลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 50 สต.ต่อลิตร และลดราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นลง 50 สต.ต่อลิตร

2. เร่งรัดการลงทุนด้านพลังงาน ในช่วง3 ปี (2563-2565) กว่า 1.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นปี 2563 มีการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ปี 2564 ลงทุน 4.57 แสนล้านบาท และปี 2565 ลงทุน 4.5 แสนล้าน โดยมีแผนเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ ในปี 2563 การเนินการ LNG Hub เริ่มการลงทุนพัฒนา Grid Modernization และศึกษาความเป็นไปได้ของ Grid Connectivity กับประเทศเพื่อนบ้าน การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม และเร่ง LNG receiving Terminal

3. กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังโควิด-19 รวมกว่า 30,000 ล้านบาท โดยการสร้างรายได้ให้ชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 8,000 คน ซึ่งต่อจากนี้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะกระตุ้นให้เกิดการค้าผ่านตลาดนัดออนไลน์ชุมชนโรงไฟฟ้าและท่องเที่ยวเขื่อนทั่วไทย และ ปตท. จะจัด Living Community Market Place และเที่ยวทั่วทิศกระตุ้นเศรษฐกิจกับ Blue card พร้อมทั้ง กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

ซึ่งจะมีแผนที่จะขยายสายส่งไฟฟ้าเพื่อผันแม่น้ำยวมสู่อ่างเก็บน้ำภูมิพลเพื่อชลประทาน และยังช่วยลดปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นได้ด้วย รวมไปถึงการพิจารณาหาแนวทางการนำไฟฟ้าส่วนเกินมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ในปี 2563 จะมีการลงทุนและสร้างรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 10,000 คน เมื่อครบเป้าหมาย 700 เมกะวัตต์ สำหรับ การใช้ระบบ Blockchain เข้ามาช่วยในการซื้อขายปาล์มภาคพลังงานทั้งระบบ ที่จะเกิดการหมุนเวียนรายได้กว่า 14,000 ล้านบาท และการลงทุนเพื่อช่วยประกอบการ Start up โดย ปตท. สนับสนุนทุนไปแล้วกว่า 17 ราย และ กฟผ. จะมี Innovation Holding Company เข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาไฟฟ้าในยุค Disruptive technology

พร้อมทั้งจะ ผลักดันพัฒนา E-Transportation ให้ครบวงจร ซึ่งกระทรวงพลังงาน และหน่วยงานในสังกัดทุกหน่วยจะเร่งเดินหน้าตามแผนงานดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนมีรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป