ทบทวนแผนปั้นเอเชียทีคแห่งที่ 2 ประธานบอร์ด อคส. ลุยระบายข้าว

โรงสี ข้าว
File Photo : PORNCHAI KITTIWONGSAKUL / AFP

“สุชาติ” ประธานบอร์ด อคส.คนใหม่ แต่งตั้งอนุกรรมการ 11 คณะเร่งสางคดีเก่า เดินหน้าปรับโฉมองค์กร-สร้างรายได้เพิ่ม จ่อรื้อโปรเจ็กต์ปั้นคลังธนบุรีเป็นเอเชียทีค 2 หวังให้สอดรับสถานการณ์ พร้อมสั่งการให้รอบคอบทำสัญญาขายข้าวลอตสุดท้าย ล่าสุดรักษาการ ผอ. เซ็นสัญญา 4 ราย 2.1 หมื่นตัน เว้น 4 รายที่ชนะประมูลข้าวในคลังสิงห์โตทอง ขอเวลาเคลียร์ปมค่าเช่าถึง 30 ก.ย. 63 ด้าน “โรงสีสนั่นเมือง” ขอสละสิทธิ์ประมูลแล้ว

นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เห็นชอบให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการ 11 คณะขึ้นมา โดยเน้นภารกิจสำคัญ 3 ด้านตามเป้าหมายดูแลงานคั่งค้าง และบริหารงานภายในองค์กรให้เดินหน้าสร้างรายได้ ลดภาระหนี้สินเดิม รวมถึงปรับลดโครงสร้างคณะอนุกรรมการเดิมภายในองค์กรที่มีหลายคณะให้น้อยลง เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่ปัจจุบันมากที่สุด

“จากที่มีวาระดูแล 1 ปีครึ่ง จึงต้องการเร่งสะสางงานเดิมและเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาและสร้างรายได้ให้กับองค์กรมากที่สุด อีกทั้งต้องการให้บุคคลภายนอกมอง อคส.ในทิศทางที่ดี จึงใช้ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งที่มีในปัจจุบันเร่งสะสางงานและบริหารงานอย่างบูรณาการให้ดีที่สุด โดยที่จะเน้น 3 งานหลัก คือ 1.การบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กรเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2.พัฒนาระบบทรัพยากรบุคคลภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง และ 3.ส่งเสริมและพัฒนาภายในองค์กรให้เกิดธรรมาภิบาลมีความโปร่งใสและเป็นธรรม”

สำหรับคณะอนุกรรมการที่จะมาบริหารสินทรัพย์ในองค์กรจะต้องศึกษาว่าสินทรัพย์ที่มี โดยเฉพาะคลังสินค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจะดำเนินการอย่างไรเพื่อก่อให้เกิดรายได้มากที่สุดและนำรายได้เข้ามาลดภาระหนี้สินที่มีในปัจจุบัน

“เบื้องต้นการพัฒนาคลังสินค้าธนบุรีที่ได้เคยศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการลงทุนไปแล้วนั้น จะมอบหมายให้คณะอนุกรรมการเข้ามาดูแลว่าจะเดินหน้าลงทุนได้เมื่อไร โดยให้ศึกษาสถานการณ์ในปัจจุบันประกอบด้วย เพราะต้องยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงแล้ว ส่วนคลังในต่างจังหวัดอาจลงทุนพัฒนาเพื่อเก็บสินค้าเกษตร”

ในส่วนของการสร้างรายได้ อคส.ยังคงจะส่งเสริมการทำการตลาดข้าวถุงอคส.ต่อเนื่อง โดยต้องปรับเรื่องการทำตลาดผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป “ขณะนี้มีแพลตฟอร์มที่น่าสนใจหลายแพลตฟอร์ม อยู่ในระหว่างการเจรจา โดยที่จะเน้นแพลตฟอร์มในต่างประเทศเป็นสำคัญ มั่นใจว่าจะเพิ่มรายได้ให้ อคส.อีกช่องทางในอนาคต”

ส่วนด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลนั้น ต้องยอมรับว่าขณะนี้ขาดผู้บริหารในตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า จึงจำเป็นต้องเร่งสรรหาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งเบื้องต้นได้มีการแต่งตั้งนายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ อคส.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้จะกำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์การสรรหา และคุณสมบัติมาเสนอต่อที่ประชุมบอร์ด อคส.ครั้งต่อไป พร้อมทั้งสรุปกรอบระยะเวลาสรรหา นอกจากนี้จะมีคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายทำหน้าที่บริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องคดีค้าง

นายสุชาติกล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาผลการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 1/2563 ซึ่ง อคส.ได้ประมูลไปตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.นั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างคณะทำงานระบายข้าวดำเนินการและหาผู้ที่ชนะประมูลข้าว ซึ่งคาดว่าน่าจะเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดรับทราบเร็ว ๆ นี้ โดยตนเองได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่คณะทำงานระบายดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เนื่องจากคลังสินค้าบางคลังยังติดปัญหาคดีความ การให้ดีที่สุด รายงานข่าวระบุว่าความคืบหน้าในการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลลอตสุดท้ายที่เปิดประมูลไปตั้งแต่26 พ.ค. 2563 ปริมาณที่อนุมัติขาย 1.4 แสนตัน

ในขณะนี้รักษาการผอ.อคส. (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) ได้ตกลงสัญญากับผู้ชนะประมูลข้าว4 ราย ปริมาณรวม 21,792.8 ตันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. 2563 แต่ยังไม่เซ็นสัญญากับผู้ชนะการประมูลข้าวในคลังสินค้าสิงห์โตทองที่เหลือ 4 รายเพราะทางบริษัทสิงห์โตทองได้ทำหนังสือคัดค้านการประมูล โดยขอให้ อคส.เคลียร์ค่าเช่าคลังก่อน ไม่เช่นนั้นจะใช้สิทธิยึดหน่วยไม่ให้รับมอบข้าว

ประเด็นดังกล่าวทำให้ อคส.ต้องเรียกประชุมเพื่อเจรจาให้ผู้ชนะประมูลขอให้ยืนยันราคาประมูลไว้ก่อนจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 โดยระหว่างนี้ทางคณะอนุกรรมการที่บอร์ด อคส.แต่งตั้งขึ้น จะทำหน้าที่กับเจ้าของคลังสิงห์โตทอง เรื่องการชำระเงินค่าฝากเก็บและเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค้าง ณ วันที่ 25 พ.ค. 2563 ประมาณ 760 ล้านบาท

ภายหลังจากหารือ ปรากฏว่ามีผู้ชนะประมูลข้าวในคลังสิงห์โตทองที่ตกลงยอมรับเงื่อนไขการยืนยันราคาดังกล่าวมี 3 ราย คือ 1) บริษัท กำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต ที่ชนะประมูล ปริมาณ 41,282 ตัน 2) บริษัท เคซีเอฟ พลังงานสีเขียว ปริมาณ 38,592 ตัน 3) บริษัท เกษมชัยฟาร์มอาหารสัตว์ ปริมาณ 24,358 ตัน ส่วนโรงสีสนั่นเมืองผู้ชนะประมูล ปริมาณ 21,272 ตัน ได้ขอสละสิทธิ์การประมูลและขอเงินหลักทรัพย์ค้ำประกันคืนแล้ว อย่างไรก็ตาม หากจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2563 แล้ว อคส. ยังไม่สามารถเจรจากับบริษัทสิงห์โตทองได้ ทางผู้ชนะการประมูลจะสามารถยกเลิกหรือสละสิทธิ์การประมูลได้ โดยที่ อคส.ไม่ต้องชำระค่าปรับจากการผิดนัดทำสัญญาและส่งมอบ เพราะถือเป็นการเจรจาตกลงกันในกรณีพิเศษ