4 เขื่อนหลัก เหลือน้ำใช้แค่ 778 ล้าน ลบ.ม. น้อยกว่าปี ’62 เกินเท่าตัว

4 เขื่อนหลัก เหลือน้ำใช้แค่ 778 ล้าน ลบ.ม. น้อยกว่าปี '62 เกินเท่าตัว

เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ “4 เขื่อนหลัก” เหลือน้ำใช้รวมกันเพียง 778 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 4% และน้อยกว่าปี 2562 เกินเท่าตัว นายกฯ ขอร้องประชาชนอย่ากดดันขอปล่อยน้ำปลูกข้าว

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า วันนี้ (14 ก.ค.) เกษตรกรในพื้นที่เขต อ.แสวงหา และ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ประมาณ 300 คน รวมตัวกันที่บริเวณ ปากคลองส่งน้ำ 5 ซ้าย -1 ขวา โครงการชัณสูตร เรียกร้องให้กรมชลประทานปล่อยน้ำให้ทำนาปี ซึ่งทางกรมฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ชี้แจงถึงแนวทางการบริหารน้ำเพื่อการทำนาปี 2563

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ชี้แจงถึงปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มเจ้าพระยาใน 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งปัจจุบัน มีน้ำเหลือใช้การเพียง 778 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 4 และน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 1,048 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับการเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ชลประทานนั้น รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุว่า กรมชลฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อดูแลพื้นที่ปลูกข้าว โดยเฉพาะพื้นที่กว่า 2.6 ล้านไร่ ที่ได้ปลูกพืชไว้แล้ว โดยวางแผนระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ลงมาเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำที่หน้าเขื่อนเจ้าพระยาชัยนาทให้อยู่ที่ระดับ  13.45 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เพื่อยกระดับน้ำเข้าสู่แม่น้ำน้อยได้ จากอัตรา 10 ลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 20 ลบ.ม.ต่อวินาที

นายทวีศักดิ์อธิบายเสริมว่า คลองชัยนาท-ป่าสักและแม่น้ำท่าจีน จะยังคงรับน้ำไว้ที่ 15 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งวันนี้ (14 ก.ค.) น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อยู่ในระดับ 13.45 จากน้ำทะเลก็สามารถที่จะบริหารน้ำเข้าระบบชลประทานฝั่งซ้ายและขวาได้

“ดังนั้นในส่วนของพื้นที่การเกษตรอีก 5.4 ล้านไร่ ที่ยังไม่ได้เพาะปลูก กรมชลฯ ขอความร่วมมือให้เกษตรกรรอช่วงกลาง ก.ค. ที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าเข้าสู่ฤดูฝนเต็มตัว ซึ่งกรมชลฯ ยืนยันว่าต้องบริหารน้ำตามแผนที่วางไว้เพื่อสำรองไว้ในฤดูแล้งถัดไปด้วย” นายทวีศักดิ์กล่าว

วอนชาวบ้านอย่าปิดถนน

รายงานข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ได้รับทราบปัญหาและแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในเรื่องปัญหาประชาชนในพื้นที่จังหวัดอ่างทองจะปิดถนนเพราะไม่มีน้ำทำการเกษตรว่า

“ขอร้องชาวอ่างทองอย่าปิดถนน  เพราะต้องดูแหล่งน้ำด้วยว่า มีน้ำต้นทุนเท่าไหร่ อย่างไร ปัญหาน้ำอุปโภค บริโภค รัฐบาลก็ต้องดูแล ทั้งนี้ ได้ให้กรมชลประทานและสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ไปดูแลแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำให้แล้ว ซึ่งก็กำชับให้ดูแลทุกพื้นที่ เพราะการทำการเกษตรน้ำจำเป็น”

“แต่ขณะนี้ฝนไม่ตก  แต่ทั้งนี้ขอร้องอย่าปิดถนน เพราะทุกคนจะเดือดร้อน  ต้องร่วมมือกันทั้งหมดด้วย ทั้งการหาแหล่งน้ำเพิ่มในระดับมหภาคที่ต้องมีระบบชลประทานและระดับไร่นา ที่ต้องมีการทำบ่อบาดาลหรือทำหลุมขนมครก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์สภาพอากาศว่าในช่วงเดือน สค. หรือ ก.ย. 2563  อาจจะมีพายุหมุนเขตร้อน 1-2 ลูก เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จึงได้สั่งการให้ชลประทานจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือ

โดยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ณ วันที่ 13 ก.ค. 63 มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 31,838 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุอ่าง โดยเป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 8,365 ล้านลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีกกว่า 44,000 ล้าน ลบ.ม.

4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 7,545 ล้านลบ.ม. หรือร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 849 ล้านลบ.ม.

ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ (1 พ.ค.- 30 ต.ค.) ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้ว 5,481 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 46 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 1,942ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 60 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้ คงเหลือปริมาณน้ำที่ต้องจัดสรรอีก 1,308 ล้าน ลบ.ม.

ส่วนผลการเพาะปลูกข้าวนาปี ล่าสุด ตามข้อมูล ณ วันที่ 8 ก.ค. 63 ทั้งประเทศมีการทำนาปีไปแล้ว ประมาณ 6.97 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 41 ของแผนที่วางไว้ 16.79 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 2.62 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 32 ของแผนที่วางไว้ 8.10 ล้านไร่