Champ Mask ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ไต้หวันประกาศลงทุนโรงงานในไทย

Champ Mask ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ไต้หวันประกาศลงทุนโรงงานในไทยยกทั้งคลัสเตอร์ กำลังการผลิต 2 แสน-2 ล้านแผ่น ตั้งเป้ากำไร 20%

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานจากสำนักส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ประจำไต้หวัน ระบุว่า บริษัท Champ Mask ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ของไต้หวัน ได้ประกาศจะจับมือกับกลุ่มผู้ประกอบการใน Supply Chain ของตนตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำในการยกไลน์การผลิตทั้งกระบวนการไปติดตั้งในต่างประเทศ ซึ่งในขั้นแรกนี้ทางบริษัทฯ จะเริ่มการลงทุนในประเทศไทยก่อน และมีแผนจะลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ และอินโดนีเซียเป็นเป้าหมายต่อไป

ปัจจุบัน ไต้หวันสามารถผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละประมาณ 100 ล้านแผ่น ซึ่งเป็นการผลิตโดย Champ Mask ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 โดย Champ Mask ได้ประกาศแผนการลงทุนที่จะเป็นในรูปแบบ Total Solution เพื่อเป้าหมายในการส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังต่างประเทศแบบยั่งยืน ด้วยการยกโรงงานไปไว้ในตลาดเป้าหมาย โดยจะมีทั้งในส่วนของวัตถุดิบ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ รวมถึงเทคโนโลยีในการทดสอบและตรวจสอบคุณภาพสินค้า

นายเฉินหย่งจื้อ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Champ Mask ชี้ว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 หน้ากากอนามัยที่วางจ้าหน่ายในไต้หวันประมาณร้อยละ 90 และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตในไต้หวันประมาณร้อยละ 80 เป็นการนำเข้าจากจีน แต่หลังเกิดการระบาดทางการจีนได้ประกาศปิดเมืองและปิดพรมแดน ทำให้เกิดการขาดแคลนทั้งหน้ากากสำเร็จรูปและวัตถุดิบ ไต้หวันจึงต้องหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น จนทำให้สามารถสร้างสายการผลิตได้มากถึง 92 สาย ภายในเวลา 40 วัน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสายการผลิตของ Champ Mask จำนวน 26 สาย

และในสถานการณ์ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดในหลายระลอก และไม่มีทีท่าจะทุเลาลงเช่นนี้ แต่ละประเทศต่างก็ยังคงนโยบายปิดพรมแดนเอาไว้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดปัญหาต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศขึ้นเมื่อใด การยกสายการผลิตไปไว้ในตลาดยุทธศาสตร์สำคัญจึงถือเป็นแนวทางที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนมากกว่า เพราะแม้จะมีการปิดประเทศ การผลิต และจัดส่งสินค้าก็จะไม่หยุดชะงัก ซึ่งในชั้นนี้ Champ Mask ได้ตัดสินใจจะเข้าลงทุนสร้างสายการผลิตขึ้นในประเทศไทยก่อน โดยมีแผนจะเข้าลงทุนที่สหรัฐฯ และอินโดนีเซียต่อไปด้วยเช่นกัน โดยจะใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 7 เดือน และสามารถปรับเปลี่ยนกำลังการผลิตได้ตามความเหมาะสม ตั้งแต่วันละ 200,000 แผ่นไปจนถึง 2 ล้านแผ่น คาดว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างผลกำไรจากการลงทุนได้ประมาณร้อยละ 20

ทั้งนี้ การไปเปิดโรงงานในประเทศไทยของ Champ Mask ในครั้งนี้ จะเป็นการยก Cluster ของบริษัทไปพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งรวมถึงโรงงานของ Trimeltech, WIN-WIN Nonwoven Innovation และ Chance Easy ซึ่งต่างก็เป็นบริษัทลูกในเครือและเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อทำหน้าที่ป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานของ Champ Mask ในประเทศไทยนั่นเอง

นอกจากนี้ นายเฉินซื่อจง นายกสมาคม Taiwan Non-woven Fabric Industry Association ก็ชี้ว่า ที่ผ่านมา หน้ากากอนามัยถือเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ แต่หลังเกิดเหตุระบาดของโควิด-19 ก็กลายมาเป็นสินค้าที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจ้าวันของทุกคนไปแล้ว การตัดสินใจไปลงทุนยังต่างประเทศของ Champ Mask ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของการวางแผนเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดแบบล่วงหน้า ซึ่งนอกจากจะช่วยให้บริษัทได้ขยายตลาดในต่างประเทศแล้ว ยังถือเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่เข้าไปลงทุนไปพร้อมกันด้วย จึงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่ไต้หวันสามารถน้าเอาประสบการณ์จากความสำเร็จด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของตัวเอง ไปให้ความช่วยเหลือแก่สังคมโลก