PTG มั่นใจครึ่งปีหลังยอดใช้น้ำมันพุ่ง 18% ทุ่ม 3 พันล้านขยายธุรกิจ

“PTG” สวนกระแสกำไร Q2/63 เพิ่มขึ้น 20% รักษาอันดับ 2 เหนียวแน่น พร้อมใจดีจ่ายปันผล 0.20 บาท ชี้ครึ่งปีหลังปริมาณการใช้น้ำมันโตต่อเนื่อง 8-12% พร้อมทุ่มงบกว่า 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจในปีนี้

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ คาดปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศเริ่มกลับมาเติบโตในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลังเติบโตอยู่ที่ 8-12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปีปรับเพิ่มขึ้น 6-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

โดยจะทำให้มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) โตเพิ่มขึ้น 6 -10 % จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศประกอบกับบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณการขายของสาขาเดิมโดยการการปรับปรุงสาขาให้มีความทันสมัย และครอบคลุมการให้บริการต่างๆ เพิ่มขึ้น

“บริษัทฯ ยังคงเป้าการขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีที่ 50 -100 สาขา ให้เป็น 2,100 สาขา และขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil อีกประมาณ 100 สาขา ให้เป็น 700 สาขา ภายในปี 2563 นี้ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุน 3,000 -3,500 ล้านบาท ช่วยเพิ่มช่องทางสร้างรายได้และทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด พร้อมกับเชื่อมโยงระบบบัตรสมาชิกกับพันธมิตรที่หลากหลาย”

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 20.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายและการเข้มงวดในการลงทุนของบริษัทฯ ประกอบกับการที่ค่าการตลาดในไตรมาสนี้ดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 1,646 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 287 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการอยู่ที่ 22,257 ล้านบาท ลดลง 9,587 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็น 30.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกว่า 30.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลกระทบจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ( COVID-19) ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันภาพรวมของประเทศลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

แต่อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของบริษัทฯ ไม่ได้ลดลงตามอุตสาหกรรม โดยมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งสิ้น 1,205 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการมีสาขากระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ และจากฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ เป็นผู้ใช้น้ำมันดีเซลหรือผู้ใช้น้ำมันเพื่อการประกอบอาชีพ จึงยังทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดผ่านทุกช่องทางเป็นอันดับ 2

นายพิทักษ์ กล่าวอีกว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (13 ส.ค. 63 ) ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2562 – 31 ธ.ค. 2562 เป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงิน 334 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล‪ในวันที่ 27 ส.ค. ‬63 และกำหนดจ่ายเงินปันผล‪ในวันที่ 21 ต.ค. 2563‬