จัดใหญ่ “เกษตรสร้างชาติ” ขนสินค้าพรีเมี่ยมลุยตลาด

เกษตกร
ภาพ : Pixabay

จัดทัพ 1,000 สินค้าร่วมงาน “เกษตรสร้างชาติ” พร้อมเปิดเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจ เสริมแกร่งเกษตรกรแปลงใหญ่ ยกระดับมาตรฐานสินค้า

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรเตรียมจัดงาน “เกษตรสร้างชาติ” ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม 2563 ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ เมืองทองธานี โดยภายในงานจะรวบรวมสินค้าพรีเมี่ยมจากเกษตรกรไทยกว่า 1,000 รายการเข้าร่วมงาน โดยกลุ่มเกษตรกรนี้เป็นกลุ่มที่กรมดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ตามนโยบายเกษตรทันสมัย ที่ต้องการให้เกิดกลุ่มเกษตรนวัตกรรม เกษตรปลอดภัย เกษตรแปรรูป เกษตรเทคโนโลยี และเกษตรพอเพียงขึ้นมา ให้สามารถยกระดับมาตรฐานการผลิตเพื่อเป็นการสร้างทางเลือกที่หลากหลายในตลาด

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแข็ง ได้แก่ กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ 6,888 กลุ่ม ซึ่งมีสมาชิก 406,755 ราย และในกลุ่มนี้ยังมีสมาร์ทฟาร์มเมอร์ 1,101,650 ราย เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มศักยภาพ 13,051 ราย กลุ่มยุวเกษตรกร 5,292 กลุ่ม ซึ่งมีสมาชิก 121,121 ราย ประกอบด้วย วิสาหกิจชุมชน 90,757 แห่ง

มีสมาชิก 1,530,766 ราย เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 540 แห่ง มีสมาชิก 12,439 ราย กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร 10,386 กลุ่ม มีสมาชิก 280,084 ราย นอกจากนี้ยังมีศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร หรือ ศพก. ที่มีเกษตรกรต้นแบบ 882 ราย มีอาสาสมัครเกษตรกรหมู่บ้าน (อกม.) ที่คอยสนับสนุนงานทั่วประเทศ 75,105 ราย

โดยภายในงานยังมีกิจกรรมพบปะแลกเปลี่ยนกับเกษตรกรตัวจริงที่เป็นต้นแบบการประกอบอาชีพจากการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6 แห่งทั่วประเทศ การจัดพื้นที่แสดงกล้วยไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ฟอกอากาศ พื้นที่แสดงนวัตกรรมการเกษตร จากภาคีเครือข่าย การจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจ ซึ่งจะเปิดให้เกษตรกรไทยได้มีโอกาสพบปะผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก ที่ต้องการสินค้าคุณภาพในการทำตลาด ซึ่งมีทั้งช่องทางการค้าออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมทั้งส่งเสริมการรักษาคุณภาพและมาตรฐานให้กับสินค้าเกษตร เนื่องจากพบว่าความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรขณะนี้ผู้บริโภคให้ความสำคัญด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของสินค้า หรือแม้แต่คำนึงถึงการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย ดังนั้น กรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงส่งเสริมในแต่ละกลุ่มให้เกิดสินค้าพรีเมี่ยมขึ้น โดยต้องมีมาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ นอกจากขายในประเทศได้แล้ว ยังสามารถผลักดันส่งออกได้ เช่น มาตรฐานสินค้า GAP สินค้าออร์แกนิก สินค้าที่มีอัตลักษณ์ หรือสินค้าจีไอ เป็นต้น