“บิ๊กฉัตร” โต้ประเด็นร้อนระบายข้าวเก่า ลั่นเตรียมข้อมูลฟ้องกลับ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายข้าวสารในสต๊อกรัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ใน 32 จังหวัด เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมและความเคลื่อนของบริษัทเอกชน จำนวน 13 ราย ที่ชนะการประมูลซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนครั้งที่ 1 /2560 ว่า มีการดำเนินการถูกเป็นไปตามเงื่อนไข และวัตถุประสงค์หรือไม่ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ได้รับเบาะแสว่า จะมีการลักลอบนำข้าวในสต็อกดังกล่าวไปจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน นั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่มั่นใจในการทำงานของทุกฝ่ายส่วน โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายในและองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้มีการตั้งคณะติดตามเรื่องนี้ขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อติดตามการระบายข้าวในสต็อกจากระบายทุกขั้นตอนจากโกดัง ไปสู่โรงงานของผู้ประกอบการ ให้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ดังนั้น ตนมั่นใจว่า จะไม่มีการลักลอบนำข้าวในสต็อกรัฐบาลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน

“ผมมั่นใจจะไม่มีการลักลอบนำข้าวในสต๊อกรัฐบาลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแน่นอน เพราะผมมั่นใจฝีมือของกระทรวงพาณิชย์ จะสามารถติดตามและกำกับดูแลการระบายข้าวให้เป็นไปตามเงื่อนไขได้ และเชื่อว่า คนที่คิดจะกระทำผิดก็ไม่กล้าที่จะทำ เพราะกระบวนการทุกทำอย่างรัดกุมมาก” พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า หากผู้ชนะประมูลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยเคร่งครัดและถูกตรวจ พบว่านำเข้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ผู้ซื้อจะต้องถูกลิบหลักประกันและถือเป็นผู้กระทำผิดเงื่อนไขการประมูล รวมทั้งถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องหากพบเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขการประมูล สามารถแจ้งให้คณะทำงานระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ดำเนินการสอบ การนำข้าวไปใช้ในโรงงานอุตสากรรม หรือจะแจ้งไปยังกรมการค้าภายในกระทรวงต่างประเทศ ดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ซึ่งที่ผ่านมา นบข.ได้กำหนดแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลอย่างรอบคอบรัดกุม และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในทุกด้าน เมื่อต้นปี 2560 นบข.ได้เห็นชอบในหลักการให้มีการระบายข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อก ซึ่งส่วนใหญ่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมีข้าวผิดชนิด ปลอมปน อยู่มาก และ มีอายุการจัดเก็บนานกว่า 3-5 ปี ไม่เหมาะสมเพื่อการบริโภค และยังเป็นภาระต่อรัฐบาลในการเก็บรักษา

ส่วนกรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า จะทำหนังสือสอบถามในประเด็นข้าราชการอ้างชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและตน ตัดสิทธิ์บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลข้าวค้างสต็อกรัฐ ทั้งที่ให้ราคาข้าวสูงกว่าบริษัทค้าข้าวของกลุ่มอำนาจเก่า ทำให้ภาครัฐได้รับความเสียหาย นั้น เรื่องนี้ ตนไม่ทราบว่าเรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไร และยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว แต่เชื่อว่าเวรกรรมมีจริงตามทันคนที่ทำอะไรไว้ และจะให้ฝ่ายกฎหมายดูรายละเอียด การมากล่าวหาอย่างนี้ จำเป็นจะต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์