“เฉลิมชัย” ลั่นน้ำน้อยงดปลูกข้าวรอบหน้าหลังน้ำต้นทุนน้อยกว่าปีก่อน 8 พันล้าน ลบ.ม. ยืนยันน้ำกินน้ำใช้ยังมี-กรมชลเตรียมพืชน้ำน้อย-จ้างงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ย.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างเป็นประธานการประชุมติดตามแนวโน้มสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ปี 2563/64 ถึงสถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
รมว.เกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า จากปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปี 2562 และเกิดฝนทิ้งช่วงในปี 2563 ส่งผลให้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม-15 กันยายน 2563 มีปริมาณน้ำใช้การได้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ประมาณ 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)
หลังจากนี้ จะมีการประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามผลการดำเนินงาน และเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที แม้ยืนยันว่าตลอดปีนี้มีเพียงพอต่อความต้องการแน่นอน
กรมชลประทานต้องจัดลำดับความสำคัญ หากฝนตกแล้วน้ำไม่ลงเขื่อน น้ำต้นทุนน้อย เป็นไปได้ลำบากที่ฤดูกาลผลิต 2563/64 จะมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับปลูกข้าว ให้ร่วมหารือกับกรมส่งเสริมการเกษตร และหน่วยงานอื่นๆเพื่อวางแผนการเพาะปลูกพืชน้ำน้อยแทนการปลูกข้าว แต่น้ำกินน้ำใช้ต้องเพียงพอ
“วันนี้ต้องเปลี่ยนแนวคิด แทนที่จะไปสร้างหรือขยายแหล่งเก็บกักน้ำที่มีอยู่ ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าพื้นที่นั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ แต่จากสถิติสามารถกำหนดได้ว่าพื้นที่ไหนที่มีปริมาณฝนตกมาก ซึ่งแนวคิดใหม่ต้องไปหาว่าพื้นที่ที่เหมาะสมเหล่านั้นอยู่ตรงไหน เพื่อนำมาสร้างเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ”
หน่วยงานในแต่ละพื้นที่ต้องช่วยกัน จะสร้างเป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ก็ได้ และต้องนำระบบท่อเข้ามาใช้เพื่อกระจายน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรและพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมองว่าระบบท่อเป็นวิธีที่ทำให้สูญเสียน้ำน้อย และเป็นการใช้น้ำอย่างมีคุณค่าที่สุด
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศ มีปริมาณรวมกันประมาณ 36,764 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 48% ของความจุอ่าง เป็นน้ำใช้การได้ 12,946 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 10,152 ล้าน ลบ.ม หรือคิดเป็น 41% ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 3,456 ล้าน ลบ.ม. ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูฝนทั้งประเทศ ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้ว 10,363 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 87% ของแผนฯ ภาพรวมยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หากให้ประเมินสถานการณ์ฝน เหลือระยะเวลาจากนี้ถึงเดือนตุลาคมนี้เท่านั้นที่จะมีฝนตก
แต่หากฝนตกกระจายก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้เพิ่มปีการผลิต 2563/64 อาจไม่สามารถปลูกข้าว ทำนาได้ เท่ากับแผนปี 2562/63 สำหรับแผนการเพาะปลูกข้าวปี 2562/63 วางแผนการเพาะปลูกข้าว 16.79 ล้านไร่ แต่ด้วยฝนทิ้งช่วง ไม่มีน้ำ ทำให้ชาวนาทำนาได้เพียง 12.61 ล้านไร่
หรือปลูกข้าวได้เพียง 81% ของแผน ดังนั้น ปีการผลิต 2563/64 กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งวางแผน สำหรับการเพาะปลูกพืชน้ำน้อยต่อไป
ส่วนเกษตรกร ที่ไม่ได้เพาะปลูก หรือทำการเกษตร จะเร่งดำเนินการ ทำแผนจ้างงานเพิ่ม เพื่อรองรับเกษตรกรอาจตกงาน เพราะฝนตกน้อย แล้งติดต่อกันมา 2 ปี หากประเมินผลการใช้น้ำ ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่กรมชลประทานต้องบริหารจัดการให้ถึงพฤษภาคม 2564 การจัดสรรน้ำเพื่ออุปโภค บริโภคจึงเป็นความสำคัญอันดับแรก