จี้รัฐเปิดประเทศรับนักธุรกิจต่างชาติ รพ.เอกชนโอดคนไข้รอคิวเข้าเพียบ

นักท่องเที่ยว

หอการค้าต่างประเทศ ตัวแทน 9 พันบริษัทต่างชาติจี้รัฐปลดล็อกรับซีอีโอ ผู้เชี่ยวชาญ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โฟกัสประเทศไม่เสี่่ยงโควิด-มีใบรับรองแพทย์ยืนยัน แลกเงื่อนไขลดกักตัวจาก 14 วัน เหลือ 5-7 วัน สภาอุตฯให้เร่งเคาะก่อนไฮซีซั่น ด้าน ส.โรงพยาบาลเอกชน โอด คนไข้ ตปท.รอคิวเข้าไทยเพียบ 1.6 พันราย

นายสแตนลีย์ คัง ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้หอการค้าต่างประเทศซึ่งมีสมาชิกรวม 9,000 บริษัท จากหอการค้าต่างชาติ 37 ประเทศ ได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอผ่านไปทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันให้รัฐบาลออกมาตรการ หรือแนวทางเกี่ยวกับการอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญ (technician) เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้มีความชัดเจน ให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เพราะมีการลงทุนหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้ามา

จี้รัฐเปิดประตูรับซีอีโอต่างชาติ

ขณะเดียวกันมีผู้บริหารและซีอีโอบริษัทต่างชาติต้องการเดินทางเข้ามาเพื่อติดต่อธุรกิจในประเทศไทยจำนวนมากด้วยเช่นกัน แม้ที่ผ่านมาบริษัทต่าง ๆ จะแก้ปัญหาการทำงาน การติดต่อทางธุรกิจ โดยการใช้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เข้ามาช่วย แต่ต้องยอมรับว่างานบางประเภทหรือบางกิจกรรมไม่สามารถดำเนินการผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ เช่น การสำรวจตรวจสอบสภาพที่ดินเพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจเข้ามาลงทุน การดูเครื่องจักร ฯลฯ จึงจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติติดค้างอยู่ในประเทศไทย 4 แสนคน ซึ่งวีซ่ากำลังจะหมดอายุวันที่ 26 ก.ย. 2563 แต่ยังไม่ทราบนโยบายที่ชัดเจนว่าชาวต่างชาติกลุ่มนี้ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่หากรัฐบาลไทยพิจารณาต่ออายุวีซ่าไปอีกระยะ จะช่วยสร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง

ลดเวลา State Quarantine

“คิดว่าเรื่องความปลอดภัยต้องมาก่อน แต่ทำอย่างไรที่จะควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะโควิดอาจจะอยู่กับเราอีกนาน เพราะถึงกลางปีหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวัคซีนหรือไม่ มองว่าที่ผ่านมาไทยก็สามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ดี เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน แต่การฟื้นฟูเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่เปิดประเทศ ปลดล็อกข้อจำกัดทางเศรษฐกิจจะฟื้นฟูได้ยาก

แต่ไทยต้องวางหลักการ new normal ในการคุมการแพร่ระบาดว่าทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับสุขภาพอนามัยจึงต้องไปด้วยกัน”

นายสแตนลีย์ คัง กล่าวว่า สำหรับแนวทางที่เสนอ คือ เปิดให้ผู้ที่มาจากประเทศที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดได้ดีเข้ามาก่อน และทำอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการทำให้เกิดการแพร่ระบาด ด้วยการให้ต่างชาติแสดงหลักฐานยืนยันอย่างใบรับรองแพทย์จากประเทศต้นทาง จากนั้นเมื่อเดินทาง

เข้ามาประเทศไทยแล้วต้องผ่านการตรวจสอบ 2 ครั้ง และต้องอยู่ในการดูแลการแพร่ระบาดตามมาตรฐาน state quarantine แต่อาจลดเวลาการกักตัวหรือกักโรคให้สั้นลงจาก 14 วัน เหลือ 5-7 วัน

โดยต้องจำกัดพื้นที่ให้อยู่เฉพาะในบริเวณที่เข้ามาทำงานหรือมาประกอบธุรกิจ ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อความปลอดภัย เป็นต้น เพราะมั่นใจได้ว่าการเดินทางเข้ามาในลักษณะนี้จะสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ ซึ่งตนมองว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้พร้อมจะปฏิบัติตามมาตรการ เพราะทุกคนก็กังวลว่าจะรับเชื้อจากไทยกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเช่นเดียวกัน

ให้เร่งเคาะก่อนไฮซีซั่นท่องเที่ยว

สอดรับกับข้อเสนอของนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ระบุว่า ภาครัฐควรเร่งพิจารณาให้ความชัดเจนในส่วนของมาตรการการอนุญาตให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศ เพราะขณะนี้กำลังเข้าสู่ไฮซีซั่นการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปช่วงปลายปี ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวกลุ่มนี้บางส่วนซื้อบ้านในประเทศไทย และอยากเดินทางหนีฤดูหนาวมาที่ไทย หากรัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้ช้าอาจเสียโอกาสในการดึงดูดการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ที่สำคัญขณะนี้เวียดนามกำลังจะเปิดรับนักลงทุนจาก 7-8 ประเทศ กลางเดือนกันยายนนี้ เริ่มแรกอาจเปิดให้นักลงทุนบางประเทศก่อน เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น จีน หรือในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) จากนั้นจะเปิดรับมากขึ้น

“เราต้องรีบตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะต่างชาติมีบ้านที่เมืองไทยเยอะมาก และตอนนี้กำลังจะเข้าหน้าหนาวเดือนธันวาคม-มกราคม ไม่อยากอยู่ประเทศเขาอยู่แล้ว เขามาเมืองไทยไม่มีปัญหาจะตรวจสอบ ควบคุม กักกันโรคก็ไม่มีปัญหา ถ้าไม่รีบตัดสินใจโดยเร็วจะเสียโอกาส”

หวั่นเสียหายยับ 2 ล้านล้าน

การพิจารณาทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ แต่ไทยต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ได้ เพราะวันนี้เราให้น้ำหนักไปที่โควิด-19 เยอะมาก ก็ต้องสื่อสารให้คนเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วเรามีโควิดมา 6 เดือน มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 3 พันกว่าคน แต่มีผู้ที่รักษาหาย 3 พันกว่าคน และมีผู้เสียชีวิต 58 คน ถือเป็นจำนวนไม่มาก แต่ไทยเสียหายทางธุรกิจไปแล้ว 2 ล้านล้านบาท และมีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดประสบกับความลำบากจำนวนมาก เรื่องนี้ต้องดูให้ดี 2 ล้านล้านอาจจะเอาไม่อยู่

มีข้อน่าคิดคือ การดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่ผ่านมา ไทยรับผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศมาจำนวนหลายพันคน ให้การดูแลอย่างดี และคนเหล่านี้ออกไปทั่วประเทศ ก็ไม่ได้ทำให้เราติดโรคโควิด คนที่เข้ามาก็มีทุกวัน วันละเป็น 100 คน state quarantine 14 วันมี 30 โรงแรมที่รับอยู่ ซึ่งไม่พอด้วยเต็มตลอด หลายคนกลับบ้าน ไม่มีใครพูดข้อมูลเหล่านี้ วันนี้ภาคท่องเที่ยวลำบาก เพราะเรายังกลัวกัน กระแสโซเชียลแรง เรื่องภูเก็ตโมเดล เราพูดว่าจะเปิด ปรากฏว่าโรงแรมที่พักหลายจุดนักท่องเที่ยวที่จองไว้แจ้งขอยกเลิกการจองทันที”

คนไข้ ตปท.ค้าง 1,600 คน

ขณะที่นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ในฐานะนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ในทำนองเดียวกันว่า หลังจากโรงพยาบาลเอกชนได้เข้าร่วมโครงการสถานกักกันทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) เพื่อเปิดให้ผู้ป่วยหรือคนไข้ชาวต่างประเทศพร้อมผู้ติดตามเดินทางเข้ามารับการรักษาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ได้ลงทะเบียนไว้

ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ (11 กันยายน) พบว่ามีจำนวนคนไข้พร้อมญาติที่เดินทางเข้ามารับการรักษาตัวเพียง 479 คน แบ่งเป็นผู้ป่วย 260 คน และผู้ติดตาม 219 คน และยังมีจำนวนคนไข้และญาติที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาตามโครงการนี้ได้อีกประมาณ 1,600 คน ส่วนใหญ่เป็นคนไข้จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

สาเหตุที่ล่าช้าและทำให้คนไข้ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากขั้นตอนการติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ซึ่งมีหลายหน่วยงาน จึงทำให้ต้องใช้เวลานาน รวมทั้งข้อจำกัดทางด้านการบินและการเปิดน่านฟ้าของหลาย ๆ ประเทศ

นักธุรกิจอยากเข้าไทยเพียบ

แหล่งข่าวระดับสูงจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจ นักลงทุนจำนวนมากที่มีความต้องการจะเดินทางเข้ามาติดต่อหรือทำธุรกิจในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ โดยจำนวนหนึ่งอาจจะติดในเรื่องของการขอวีซ่า และการอนุญาตของหลายหน่วยงาน ซึ่งทางการควรแก้ไขการบริหารจัดการเรื่องนี้ให้เป็นระบบที่รวดเร็ว (fast track) มากขึ้น รวมทั้งควรมีการผ่อนปรนในเรื่องของการกักกันตัวที่อาจจะลดลงเหลือเพียง 3-5 วัน หรือ 7 วัน ไม่ต้องนานถึง 14 วัน เพียงแต่ต้องมีการวางระบบการตรวจหรือคัดกรองที่ประเทศต้นทางก่อน

“หากทางการมีการผ่อนปรนการกักตัวดังกล่าว คาดว่าจะมีนักธุรกิจ นักลงทุนเดินทางเข้ามาทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก และจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง”

ลุ้นเปิดประเทศให้ช็อปอสังหาฯ

ด้านแหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักธุรกิจต่างชาติหลายรายแสดงความสนใจเข้ามาซื้อกิจการ ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงแรมในประเทศไทย ที่มีการบอกขายกันในราคาลดลงจากราคาปกติมาก โดยหลายรายต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อติดต่อเจรจากับเจ้าของโครงการโดยตรง พร้อม ๆ กับศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจและประเมินศักยภาพโครงการ แต่ติดขัดที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาทำ due diligence ในช่วงนี้ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดจากที่ภาครัฐยังไม่เปิดให้ต่างชาติเข้ามา