“ไทยยูเนี่ยน” ชี้เศรษฐกิจ-การเมืองโลกยังผันผวน ฉุดส่งออก-ลงทุนเพิ่ม

ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU กล่าวในงานเสวนา Nikkei Asia 300 Global Business Forum ว่า ขณะนี้ตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง ล้วนมีปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง ความขัดแย้งในหลายพื้นที่ จึงเป็นปัจจัยกระทบต่อการส่งออก รวมถึงการทำธุรกิจของบริษัทด้วย แต่ยังมีตลาดที่น่าสนใจ มีความแน่นอนและมั่นคงมากสุดตอนนี้ เช่น จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะพื้นที่เศรฐกิจยังเติบโตสูง

สำหรับกรณี พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 นั้น ประเด็นแรงงานต่างด้าวอุตสาหกรรมอาหารทะเลและประมงเจอเรื่องนี้มา 3 ปีแล้ว ปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารทะเลและประมงดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จึงไม่มีผลกระทบและระบุวิธีการรับแรงงานอย่างโปร่งใสมาจากประเทศต้นทางได้เลย แต่จะกระทบกับผู้ประกอบการที่ทำไม่ถูกกฎหมายก็ต้องปรับตัว ดังนั้น การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว มองว่าเป็นนโยบายที่ดีและเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องต้องปรับตัวให้ถูกต้องตามกฎหมาย

“บริษัทเองใช้แรงงานต่างด้าว 30% ของแรงงานทั้งหมด ยอมรับว่าแรงงานยังขาดแคลน การจัดหาและจัดจ้างต้องใช้เวลานานพอสมควร ทุกบริษัทก็ต้องปรับตัวและพยายามจัดหาแรงงานให้เพียงพอ แต่บริษัทยังเติบโตตามเป้าหมาย รายได้รวมปีนี้จะเติบโตได้หลักเดียว และเติบโตทั้งตลาดในประเทศ เอเชีย และสหรัฐ ปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนใหม่ แต่เน้นเพิ่มการใช้นวัตกรรมและลดต้นทุนการผลิต” นายธีรพงศ์กล่าว

นายนิโคโล กาลันเต้ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เซ็นทรัล กรุ๊ป กล่าวว่า จีนและสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ระบบอีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีสตาร์ทอัพ เพราะมีตลาดมีขนาดใหญ่ จึงเกิดสตาร์ตอัพจำนวนมากช่วงแรก แต่มีน้อยที่สำเร็จ ดังนั้นภูมิภาคเราควรร่วมกันส่งเสริมให้สตาร์ตอัพเกิดในภูมิภาค ขณะที่บิ๊กดาต้า บริษัทค้าปลีกมีข้อมูลผู้บริโภคครบรอบด้าน แต่ยังไม่ได้นำข้อมูลนี้ไปใช้อย่างเต็มที่ จึงเป็นความท้าทายของการทำธุรกิจ ให้ทันการเปลี่ยนแปลงเร็วตามเทคโนโลยี การเติบโตของสังคมเมือง และก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ

 


ที่มา : มติชนออนไลน์