ราคายางเกินต้าน “เฉลิมชัย” สั่งเจาะตลาดจีนรายมณฑล อัดงานเอ็กซ์โปยางโค้งท้ายปี

AFP PHOTO / PORNCHAI KITTIWONGSAKUL

“เฉลิมชัย” ดันราคายางต่อเนื่อง หลังทะลุแนวต้านสูงสุดในรอบ 3 ปี มั่นใจพุ่ง 80 บาท/กก. สัปดาห์นี้ ลั่น! เดินหน้า “เกษตรฯ-พาณิชย์โมเดล” ลุย 6 มาตรการเจาะตลาดจีนทุกมณฑล เปิดตลาดใหม่ หลังออเดอร์สูงทุกเซ็คเตอร์ เผยเตรียมจัดงานเอ็กซ์โปยางโลกปลายปีนี้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางพาราและรักษาเสถียรภาพราคายาง ว่า สถานการณ์ความต้องการยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยางมีแนวโน้มสูงขึ้นทำให้ราคาในประเทศและในต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมต.เกษตรฯได้สั่งการเพิ่ม 6 มาตรการปฏิรูปยางพาราตอบโจทย์ยุคนิวนอร์มอลเพื่อเพิ่มราคา

และสร้างเสถียรภาพราคารวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เน้นลงทุนแปรรูปส่งเสริมวิจัยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้กลยุทธ์ใหม่การขายการตลาดเชิงรุกเจาะจีนทุกมณฑลและเปิดตลาดใหม่ๆ ในประเทศต่างๆ ได้แก่

1.มาตรการตลาดและราคา(Market & Price) 2.มาตรการการบริหารด้านอุปทาน (Supply Side Management) 3.มาตรการการบริหารด้านอุปสงค์ (Demand Side Management) 4.มาตรการส่งเสริมการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม 5.มาตรการลดสต็อกยางพารา และ 6.มาตรการเพิ่มรายได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกลไกตลาดและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลโดยเฉพาะการขับเคลื่อนโมเดล “เกษตรพาณิชย์ทันสมัย” ร่วมกันและโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางด้วย

นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงาน “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด Thailand Rubber Expo” เพื่อกระตุ้นการซื้อขายยาง รวมทั้งผลิตภัณฑ์ และสินค้านวัตกรรม ที่สามารถนำไปมอบเป็นของขวัญ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2564

ด้านนายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่าราคายางยังแรงไม่หยุด หลังปิดตลาดวันนี้ราคายางแผ่นรมควันพุ่งแตะสูงสุด 77.85 บาท/กก. ที่ตลาดกลางยางพารา จ.นครศรีธรรมราช ส่วนตลาดกลางฯ จ.สงขลา และตลาดกลางฯ จ.สุราษฎร์ธานี ราคาอยู่ที่ 77.72 บาท/กก.

“โดยหลังจากเปิดตลาดสัปดาห์นี้เพียง 2 วัน ราคาเพิ่มเพิ่มขึ้นกว่า 11 บาท คาดการณ์ว่าราคาสามารถพุ่งสูงต่อเนื่องแตะ 80 บาท/กก. ได้ภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ราคายางจะยังคงอยู่ในแนวบวกอย่างต่อเนื่อง และทะลุแนวต้านสูงสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน”

นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยด้านอุปสงค์อุปทานและมาตรการส่งเสริมการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศส่งผลทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นอ้างอิงได้จากปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติเดือนตุลาคม 2563 อยู่ที่ 4.4 แสนตัน น้อยกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ประมาณ ร้อยละ 10 ขณะเดียวกันความต้องการยางในตลาดเพิ่มสูงขึ้น

ได้แก่ สินค้าประเภทยุทธภัณฑ์ ถุงมือยาง ยางยืด โดยจีนเป็นประเทศผู้นำเข้ายางที่มากที่สุด มีการเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.9 ดัชนี PMI ของจีนยังอยู่ที่ 51.50 ซึ่งอยู่เหนือระดับ 50 สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว

คำสั่งซื้อยางของจีนจากต่างประเทศกลับมาฟื้นตัว การจำหน่ายรถยนต์ของจีนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 63 กำลังการผลิตของโรงงานผลิตยางรถยนต์เพิ่มขึ้น จึงมีแนวโน้มใช้ยางมากขึ้นด้วย เชื่อว่าราคายางยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และเป็นที่น่าหวั่นใจว่า ต่อไปผลผลิตยางอาจจะไม่เพียงพอสำหรับความต้องการใช้ของตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ สถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกมีแนวโน้มเติบโตในอัตรา 3-6% ต่อปีจากพื้นที่เพาะปลูกใหม่ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดหลังจากเร่งขยายพื้นที่เพาะปลูกในช่วงปี 2547-2555 โดยเฉพาะผลผลิตของจีนที่ปลูกในกลุ่มประเทศ CLMV

ในขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราของโลกคาดว่าจะขยายตัว 4-5% ต่อปี ส่งผลให้ยังคงมีผลผลิตยางพาราส่วนเกินเฉลี่ยกว่า 3.5-4.5 แสนตันต่อปี และจะมีผลให้ค่าคาดการณ์สต๊อกยางพาราโลกสูงกว่า 4 ล้านตันในช่วงปี 2562- 2563