กรรมการเสียงข้างน้อย กขค. ออกโรงแถลง 4 ประเด็น เหตุลงมติคัดค้านการควบรวมธุรกิจซีพี-เทสโก้
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า กรรมการการแข่งขันทางการค้าเสียงข้างน้อย 3 ต่อ 4 เสียงไม่เห็นชอบการอนุญาตให้รวมธุรกิจ ซี.พี.-เทสโก้ ประกอบด้วย ศาสตราจารย์สกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการการแข่งขันทางการค้า นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้าและโฆษกคณะกรรมการ และ นางอร่ามศรี รุพันธ์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ด้วยเหตุผล 4 ด้าน ดังนี้
1. การรวมธุรกิจในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เนื่องจากการรวมธุรกิจมีโอกาสทำให้เกิดการผูกขาดหรือครอบงำทางเศรษฐกิจขึ้นได้
ทั้งนี้ เพราะผู้ขออนุญาตมีสถานะเป็นผู้ผลิตสินค้าสำคัญหลายประเภท ทั้งในส่วนของสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวันตั้งแต่ระดับต้นน้ำถึงปลายน้ำ เมื่อผนวกรวมกับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในระดับสูงทุกรูปแบบการค้า ตั้งแต่ระดับค้าส่ง ค้าปลีกขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสำคัญที่จะกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค
ด้วยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผู้ขออนุญาตมีอำนาจเหนือตลาดสูงมาก จนสามารถครอบงำเศรษฐกิจการค้าของประเทศได้โดยง่าย และจะมีส่วนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมมากยิ่งขึ้น
- ซีพี-เทสโก้โลตัส ผงาดเบอร์ 1 ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว หวั่นเสียเปรียบอำนาจต่อรอง
- มหากาพย์ 10 เดือน “เจ้าสัวธนินท์” ปิดดีลควบรวม “ซีพี-เทสโก้”
- เจ้าสัวธนินท์ : จบดีล เทสโก้ โลตัส คืนค่ายซีพี สำเร็จดีใจได้อีกวัน
2. ผลกระทบต่อคู่แข่ง (Competitors) ผู้ขออนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดในระดับสูงทุกรูปแบบของการค้าส่งและค้าปลีก จะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่มีอยู่ หรือผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดจะยิ่งเข้าสู่ตลาดยากยิ่งขึ้น
เพราะคู่แข่งที่จะสามารถแข่งขันได้ในตลาดจะต้องมีการใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจ และการตลาดที่เน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตลอดจนการลดราคาแข่งขัน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ แม้จะมีผลดีในระยะสั้น
แต่หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดไม่สามารถปรับตัวได้ก็อาจจะต้องออกจากตลาดไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ในที่สุดทำให้ทางเลือกของผู้บริโภคลดน้อยลง
3. ผลกระทบต่อผู้ผลิตสินค้าหรือวัตถุดิบ (Suppliers) การรวมธุรกิจในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบ เนื่องจากเป็นการรวมธุรกิจระหว่างผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่รายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด
โดยภายหลังการรวมธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ขออนุญาตและบริษัทในเครือเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคครบทุกรูปแบบ ทั้งร้านค้าส่ง ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
อันเป็นผลให้ผู้ขออนุญาตมีอำนาจเหนือตลาดและมีอำนาจต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าหรือวัตถุดิบ (Supplier) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตที่เป็น SMEs ที่อาจไม่มีอำนาจต่อรองมาก จึงมีโอกาสสูงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมในการกำหนดเงื่อนไขทางการค้า หรืออาจอยู่ในภาวะจำยอมที่จะต้องรับเงื่อนไขตามที่ผู้ขออนุญาตรวมธุรกิจเสนอโดยไม่มีข้อต่อรองใด ๆ
เนื่องจากหากไม่ยินยอมดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ก็ไม่สามารถที่จะวางสินค้าจำหน่ายหรืออาจถูกปิดกั้นช่องทางการจำหน่ายและต้องล้มเลิกกิจการไปในที่สุด
4. ผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยรวม ผลของการรวมธุรกิจครั้งนี้ ทำให้จำนวนคู่แข่งขันในตลาดลดน้อยลง แม้ว่าในระยะสั้นอาจไม่มีผลต่อผู้บริโภคทั้งในด้านราคาหรือประเภทสินค้าที่มีให้เลือก
แต่ในระยะยาวแล้วอาจมีผลต่อทางเลือกของผู้บริโภคทั้งประเภทชนิดสินค้าและระดับราคา อาจมีการกำหนดตามความต้องการหรือนโยบายของกลุ่มบริษัทที่เป็นของผู้ขออนุญาต นอกจากนี้ หากมีการลงทุนเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในตลาดค้าส่งค้าปลีก ซึ่งจะมีต้นทุนค่อนข้างสูง ผู้บริโภคอาจเป็นผู้ต้องรับภาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กรรมการการแข่งขันทางการค้าเสียงข้างน้อยมีความเห็นว่า หากยอมให้มีการรวมธุรกิจดังกล่าวเกิดขึ้น จะส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบเศรษฐกิจการค้าของประเทศ และมีผลทำให้โครงสร้างของตลาดค้าส่งค้าปลีกมีการกระจุกตัวในระดับสูงมาก อันจะนำไปสู่การครอบงำตลาดหรือการผูกขาดทางการค้าในที่สุด
จึงไม่เห็นชอบต่อการอนุญาตให้รวมธุรกิจ ทั้งนี้ ในต่างประเทศเมื่อมีการรวมธุรกิจที่มีการกระจุกตัวมากขนาดนี้ จะมีการกำหนดมาตรการจากหนักไปเบา ได้แก่ ไม่อนุญาต อนุญาตแต่มีเงื่อนไข ด้านโครงสร้างประกอบกับด้านพฤติกรรม และเบาสุดเฉพาะมาตรการด้านพฤติกรรม (มติ กขค. เสียงส่วนใหญ่ใช้มาตการนี้)
อนึ่ง กรณีการรวมธุรกิจที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ หากมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างตลาด องค์กรกำกับการแข่งขันทางการค้าในประเทศต่าง ๆ จะมีทางเลือก 2 ทาง คือ ไม่อนุญาตให้รวมธุรกิจ หรืออนุญาตให้รวมธุรกิจอย่างมีเงื่อนไข โดยต้องมีมาตรการเยียวยาที่เน้นมาตรการโครงสร้างเป็นหลักควบคู่ไปกับมาตรการด้านพฤติกรรม
โดยมาตรการด้านโครงสร้างที่ใช้แก้ไขปัญหาการกระจุกตัวของตลาดในระดับพื้นที่ ได้แก่ การให้ขายกิจการบางส่วน หรือการให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจการให้เป็นรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่อยู่ในตลาดเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขในการยับยั้งการเปิดสาขาใหม่ หรือในกรณีที่ไม่ถูกบังคับให้ขายร้าน แต่จะมีการห้ามมิให้มีการขยายพื้นที่ในร้านค้าที่มีอยู่เดิม