กรมพัฒฯเผย จดทะเบียนธุรกิจเดือน กันยายน ลดลง 8% ก่อสร้าง-อสังหา สูงสุด

กรมพัฒฯ เผยจดทะเบียนธุรกิจเดือน กันยายน ลดลง 8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ ธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุดยังเป็น ก่อสร้าง อสังหา

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน บริษัทจัดตั้งใหม่ทั้งประเทศ เดือนกันยายน 2560 พบว่า มีจำนวนผู้ประกอบธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 6,532 ราย ลดลง 627 ราย คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งมีจำนวน 7,159 ราย แต่เพิ่มขึ้น 456 ราย คิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2559 ซึ่งมีจำนวน 6,076 ราย ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกมีจำนวน 1,717 ราย ลดลง 38 ราย คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งมีจำนวน 1,755 ราย ลดลง 132 ราย คิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับเดือนกันยาน 2559 ซึ่งมีจำนวน 1,849 ราย

ทั้งนี้ ประเภทธุรกิจที่มีการประกอบธุรกิจใหม่สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 522 ราย รองลงมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 442 ราย ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 191 ราย ธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องประดับ จำนวน 143 ราย และธุรกิจการขนส่งสินค้า รวมถึงคนดดยสาร จำวน 138 ราย ขณะที่มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ ในเดือนกันยายน 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 31,628 ล้านบาท ลดลง จำนวน 15,726 ล้านบาท คิดเป็น 33% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2560 ซึ่งมีจำนวน 47,354 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น จำนวน 9,199 ล้านบาท คิดเป็น 41% เมื่อเทียบกับเดือนกันยาน 2559 ซึ่งมีจำนวน 22,429 ล้านบาท

ส่วนห้างหุ้นส่วนบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งทั้งสิ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 มีจำนวน 1,415,923 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 21.73 ล้านล้านบาท โดยมีห้างหุ้นส่วนบริษัทที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 671,540 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 15.87 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น บริษัทจำกัด 491,076 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,178 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 179,286 ราย

อย่างไรก็ดี การจดทะเบียนธุรกิจการค้าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา 2560 (ม.ค.- ก.ย.) มีการจดทะเบียนจัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 55,612 ราย มีมูลค่าจดทะเบียนทั้งสิ้น 264,521 ล้านบาท เห็นได้ว่าจำนวน นิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 6,625 ราย คิดเป็น 14% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.- ก.ย.59) ซึ่งมีจำนวน 48,987 ราย ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ภาคการส่งออกสินค้า ภาคการท่องเที่ยว และสัญญาณการพื้นตัว กำลังซื้อในประเทศดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสอดคล้องกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปีนี้เป็น 3.8% ประกอบกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ต่อปี โดยเป็นการคงดอกเบี้ยติดต่อกัน 53 เดือน เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างชัดเจน จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดความเชื่อในการลงทุนมากขึ้นในปีนี้


ส่วนการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จนถึง ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 160,832 คำขอ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินที่นำมาจดทะเบียนทั้งสิ้น 3,386,189 ล้านบาท โดยแบ่งประเภททรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันได้มีดังนี้ 1. สิทธิเรียกร้อง มูลค่าทั้งสิ้น 2,628,685 ล้านบาท คิดเป็น 77.62% แบ่งเป็น บัญชีเงินฝากธนาคาร มูลค่า 1,944,408 ล้านบาท คิดเป็น 57.42% สิทธิการเช่า มูลค่า 94,612 ล้านบาท คิดเป็น 2.79% อื่นๆ เช่น ลูกหนี้การค้า มูลค่า 589,665 ล้านบาท คิดเป็น 17.41% 2. สังหาริมทรัพย์ มูลค่าทั้งสิ้น 755,529 ล้านบาท คิดเป็น 22.32% แบ่งเป็น สินค้าคงคลัง/วัตถุดิบ มูลค่า 305,675 ล้านบาท คิดเป็น 9.03% เครื่องจักร/รถยนต์/เรือ/อื่นๆ มูลค่า 449,854 ล้านบาท คิดเป็น 13.29% 3. ทรัพย์สินทางปัญญา มูลค่าทั้งสิ้น 1,975 ล้านบาท คิดเป็น 0.06% ทั้งนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกใบอนุญาตผู้บังคับหลักประกัน จำนวน 397 ราย