กฟผ. ขอเถอะ! ช่วยลด PM 2.5 ไม่เผาไร่อ้อย-วัชพืชในฤดูเก็บเกี่ยว

เผาป่า-เผาไร่ (1)
Photo : Pixabay (ภาพประกอบข่าวเท่านั้น)

กฟผ. ขอความร่วมมือเกษตรกรไม่เผาไร่อ้อย ตอซังข้าว-วัชพืชช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ใกล้แนวเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัย-ระบบไฟฟ้าของประเทศ ทั้งยังลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 รักษาสิ่งแวดล้อม

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2563 นายเริงชัย คงทอง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรโดยเฉพาะเทศกาลเปิดหีบอ้อย โดยเกษตรกรชาวไร่อ้อยบางส่วนนิยมใช้วิธีการเผาอ้อยก่อนเก็บเกี่ยว เพื่อลดต้นทุนด้านแรงงาน ทำให้เกิดปัญหามลพิษทางอากาศ คือ วิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5

ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยได้กำหนดมาตรการในการลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ ไม่เกินร้อยละ 20 ในฤดูการผลิตปี 2563/2564 เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเก็บเกี่ยวอ้อยสดมากยิ่งขึ้น

“กฟผ. จึงขอความร่วมมือเกษตรกรและประชาชนไม่จุดไฟเผาไร่อ้อย ตอซังข้าวและวัชพืช เพื่อร่วมกันลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และโดยเฉพาะการเผาในพื้นที่ใกล้แนวเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เนื่องจากควันและเขม่าจากการเผาไหม้ อาจส่งผลให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจรสู่พื้นดิน ก่อให้อันตรายต่อประชาชนในบริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดไฟฟ้าตกหรือดับ กระทบต่อความมั่นคงระบบไฟฟ้า”

ทั้งนี้ ในส่วนของเสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่ กฟผ. ดูแลรับผิดชอบนั้น เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้า เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่แห่งพลังงานที่เชื่อมโยงกระแสไฟฟ้าจากระบบผลิตไปยังระบบจำหน่าย คือ การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจะมีการปรับแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมก่อนส่งจ่ายไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วน

ดังนั้นเสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจึงต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่ง กฟผ. ได้ดำเนินการดูแลและบำรุงรักษาระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงเป็นประจำ เพื่อให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและเชื่อถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม หากพบเหตุการณ์ผิดปกติและไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. สามารถแจ้งที่ศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร. 1416