เคาะประกันรายได้ข้าวงวด 4 รอบนี้ชาวนารับเต็ม ส่วนต่างสูงกว่า 40,000 บาท

ข้าวเปลือก

“พาณิชย์” เคาะจ่ายส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 4 มีข้าว 5 ชนิด จ่ายสูงสุดงวดนี้กว่า 40,000 บาทต่อครัวเรือน พร้อมวันนี้ (1 ธ.ค.2 563) “จุรินทร์” เสนอขอเพิ่มวงเงินประกันรายได้ข้าว เข้า ครม. พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ประชุมเพื่อพิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่ 1 งวดที่ 4

ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกตั้งแต่วันที่ 23-29 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 5 ชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ซึ่งเป็นการจ่ายชดเชย 4 งวดติดต่อกัน เพราะทุกชนิดยังมีราคาต่ำกว่าราคาที่ประกันรายได้

โดยผลการพิจารณาราคาตลาด ณ ปัจจุบันกับราคาที่ประกันรายได้ พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 12,100.57 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายชดเชยตันละ 2,899.43 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 11,951.04 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายชดเชยตันละ 2,048.96 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 9,122.47 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายชดเชยตันละ 877.53 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 9,960.97 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายชดเชยตันละ 1,039.03 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 11,066.61 บาท มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายชดเชยตันละ 933.39 บาท

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 4 ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 40,592.02 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 32,783.36 บาท, ข้าวเปลือกเจ้า 26,325.90 บาท, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 25,975.75 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 14,934.24 บาท

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกันราคาข้าวเปลือกไว้ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีโครงการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ให้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์เสียดอกเบี้ย 1% เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ 3% เป้าหมาย 4 ล้านตัน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้นำเรื่องขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 โดยกระทรวงพาณิชย์จะขอวงเงินเพิ่มเติมอีก จำนวน 28,711 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้จ่ายให้กับชาวนาไปแล้วจำนวน 18,096 ล้านบาท เริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563

ทั้งนี้ การจ่ายชดเชยส่วนต่างสำหรับงวดแรกและงวดต่อไปก็จะจ่ายทุกสัปดาห์ และรอบต่อไปจะเป็นวันที่ 7 ธันวาคม 2563 ตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยเกษตรกรจะได้ส่วนต่างสูงสุดคือ 40,000 บาท จากการปลูกข้าวหอมมะลิ

ส่วนเงินช่วยสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะได้สูงสุดรายละ 20,000 บาทนั้น จะจ่ายให้ครึ่งหนึ่งก่อนซึ่งเป็นเงินไร่ละ 500 บาทโดยจะเริ่มจ่ายวันที่ 1-5 ธันวาคม 2563 นี้ สำหรับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 วงเงิน 28,046 ล้านบาท คาดว่าจะจ่ายให้เกษตรกรผ่านบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ตั้งแต่วันที่ 1-5 ธันวาคม 2563 จำนวนเกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 4.35 ล้านครัวเรือน

การดำเนินโครงการดังกล่าวนี้ เป็นมาตรการเสริมที่ทำคู่ขนานกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว นอกเหนือจากโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพข้าว ซึ่งยังมีโครงการอื่น ๆ เช่น โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก