กกร.ชี้เศรษฐกิจไทยปี’64 ดีแต่ไม่สุด เหตุท่องเที่ยวไม่ฟื้น เร่งรัฐออกมาตรการช่วย

กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังขยายตัวดี 2-4% แต่ไม่สุด เหตุจากภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวดี รอวัคซีนเข้ามากลางปีหวังฟื้นเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมวอนภาคช่วยเหลือภาคท่องเที่ยว ธุรกิจท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่อง ขณะที่ปัญหาตู้คอนเทรนเนอร์ขาดคาดว่าจะดีขึ้นปีหน้า

วันที่ 2 ธันวาคม 2563 นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น 2-4% แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10% ของ GDP ยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด รวมถึงตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง

คาดส่งออกปี’64 โต 3-5%

ขณะที่ ภาคการส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวโต 3-5% ตามภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งปีที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวต่อเนื่อง เงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ 0.8-1.2% หลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างในช่วงครึ่งหลังของปี

กลินท์ สารสิน
กลินท์ สารสิน

ทั้งนี้ ภาครัฐยังต้องเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2564 โดยการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดกำลังซื้อของครัวเรือนให้มีความต่อเนื่อง เพราะยังคงต้องมีความจำเป็นเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศ

จี้เร่งเดินหน้า-ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ การลงทุนของภาครัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะต้องเร่งเดินหน้า เพราะจะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว และการใช้จ่ายของภาครัฐและเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างต่อเนื่อง

สำหรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 กกร. ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2563 ดีขึ้น โดยที่ GDP ปี 2563 จะหดตัวในกรอบ -7.0% ถึง -6.0% ขณะที่การส่งออกจะหดตัวในกรอบ -8.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะหดตัวอยู่ในกรอบ -1.0% ถึง -0.9%

ทั้งนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและไทยในไตรมาสที่สี่ปี 2563 ยังแผ่วลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ขณะที่ ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงโค้งสุดท้ายของไตรมาสที่ 4

อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวมีสัญญาณแผ่วลง นอกจากนี้ การส่งออกของไทยยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้น ภายหลังจากการกลับมาระบาดที่รุนแรงขึ้นในหลายประเทศ

ร้องรัฐปล่อย Soft Loan-พักชำระหนี้ ช่วยธุรกิจโรงแรม-ท่องเที่ยว

ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทย ที่ประชุม กกร. ขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตรการ 1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี และขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี

เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้ บสย. หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท

2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้างร้อยละ 50 Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี

คาดปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าคลี่คลาย Q2 ปี’64

ส่วนปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าอย่างรุนแรง คาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้จะคลี่คลายในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราค่าระวางเรือ และต้นทุนสินค้าของประเทศไทยด้วย โดย กกร.มีข้อเสนอ คือ

1. การแก้ปัญหาระยะสั้น เสนอให้สมาคมผู้ส่งออกสินค้าประเภทต่างๆ ประสานเจรจากับสายเดินเรือต่างๆ โดยตรง เพื่อจัดทำสัญญาการใช้บริการ (Service Contract) ที่ระบุข้อตกลงในเรื่องค่าระวางเรือและการจัดสรรระวางเรือและจำนวนตู้สินค้าที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย

2. ส่งเสริมให้สายเดินเรือนำเรือแม่ขนาดใหญ่ของเส้นทางหลัก เช่น สายเอเชีย-ยุโรป สายเอเชีย-อเมริกา สายเอเชีย-ตะวันออกกลาง ฯลฯ เข้ามาเปิดบริการวิ่งตรง (Direct call service) ที่ท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น โดยเสนอให้กรมเจ้าท่า ปรับปรุงกฎระเบียบการนำร่องเรือเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบังที่ได้จำกัดความยาวเรือตลอด ไว้ที่ 300 เมตร ให้เพิ่มขึ้นเป็น 400 เมตร

3. ขอเสนอให้ภาครัฐ สนับสนุนส่งเสริมการนำตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามาในประเทศไทย โดยการปรับลดอัตราค่าภาระขนถ่ายและค่าภาระหน้าท่าสำหรับการนำเข้าตู้เปล่า เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าตู้เปล่าเข้ามา ซึ่งจะสร้างแรงจูงใจให้สายการเดินเรือนำเข้าตู้เปล่าเข้ามาเก็บไว้ในประเทศไทยมากขึ้น และยังจะช่วยสร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจการบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาตู้คอนเทนเนอร์ในประเทศไทยอีกด้วย

อย่างไรก็ดี กกร.ได้มีการหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน

ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป