‘เปิดประเทศ’ ไม่ชัดเจนคือชัดเจน

วัคซีนโควิด
Vincenzo PINTO / AFP
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ
กษมา ประชาชาติ

ประเทศไทยเริ่มเห็นข่าวดีจากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2563 ที่ติดลบ 6% ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ติดลบ 12% ทำให้เริ่มเตรียมทบทวนปรับประมาณการจีดีพีว่าอาจจะไม่ลงลึกอย่างที่คาด และยิ่งมีข่าวดีเรื่องความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิดหลายค่าย ทำให้เริ่มมีความหวังว่ากลางปีหน้า “วัคซีน” จะมาช่วยชุบชีวิตเศรษฐกิจ

ไพร่ฟ้าหน้าใสกลับมาใช้ชีวิตปกติ กำลังมีความสุขกับการใช้ประโยชน์ทั้งโครงการคนละครึ่ง/ช้อปดีมีคืนไปพร้อมกับการวางแผนหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วยโครงการเราเที่ยวด้วยกันเพื่อ “ภาคเหนือ” ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก

แต่ทว่ายังไม่ทันเท่าไรสถานการณ์การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากมีการตรวจสอบพบผู้ติดเชื้อเพิ่มที่ จ.เชียงใหม่ ที่ลักลอบเข้าประเทศ ผ่านทางช่องทางธรรมชาติแนวชายแดน จากความเห็นแก่ตัวของบางคน ทำให้คนอื่น ๆ อีกกว่า 300 คนเสี่ยงติดเชื้อ ตามต่อมาด้วยการเจอเคสสาว จ.เชียงราย

เดือดร้อนถึงกลุ่มภาคเอกชนในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวภาคเหนือที่ประกาศโครงการจ่าย 1 แสน เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวอย่าทิ้งเชียงใหม่

ประเด็นนี้ค่อนข้างอ่อนไหวและบานปลายรวดเร็ว บริษัทเอกชนหลายแห่งในแถบกรุงเทพฯเริ่มตื่นตระหนก สั่งให้พนักงานที่เคยเดินทางไป จ.เชียงใหม่ก่อนหน้านั้น หยุดอยู่บ้านกักตัวเอง

การยืนหยัดต่อสู้กับโควิดอย่างแข็งแกร่ง-ยาวนานของไทยกำลังถูกบั่นทอนลง

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในเวทีสัมมนาเศรษฐกิจ รวมถึงการสัมภาษณ์บิ๊กธุรกิจต่าง ๆ ย้ำข้อเสนอขอให้รัฐบาลพิจารณา “มาตรการเปิดประเทศ” แทรเวลบับเบิลหรือบิสซิเนสบับเบิล กับประเทศที่ให้ความมั่นใจเรื่องการป้องกันโควิด เพื่อต่อลมหายใจให้เศรษฐกิจ ที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพารายได้จากต่างชาติ ทั้งการท่องเที่ยว การลงทุน การส่งออก

“สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้มุมมองว่า การเปิดประเทศเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องให้ความชัดเจนในปีหน้า เพราะเศรษฐกิจยังต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นจนกลับมาเป็นเครื่องจักรสำคัญขับเคลื่อนประเทศได้เช่นก่อนโควิด แต่ก็จะช่วยให้ซัพพลายเชนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องฟื้นได้ ซึ่งถ้าไม่รีบเคลียร์ให้เร็วจะเสียโอกาส

“กลินท์ สารสิน” ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชี้ว่า ไทยต้องวางเกณฑ์ให้ชัดเจนว่าถ้าเปิดจะต้องมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างไร ซึ่งตนได้รับคำยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ว่าถ้าเปิดแล้วมีการแพร่เชื้อไม่เกิน 100 คนต่อวันก็สามารถรองรับได้ ไม่มีปัญหา

ขณะที่ “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ทั้งสองกล่าวในงานสัมมนาของประชาชาติธุรกิจ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นโยบายการเปิดประเทศยังขาดความชัดเจน ไม่รู้ว่าจะมีเริ่มนับหนึ่งได้เมื่อไร ทั้งที่นโยบายดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะสัมพันธ์กับการสร้างรายได้ให้กับซัพพลายเชนในธุรกิจท่องเที่ยวต่าง ๆ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจกำลังซื้อของประเทศ ซึ่งจะมีส่วนพลิกฟื้นอสังหาริมทรัพย์ด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น “สแตนลีย์ คัง” ประธานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติ 9,000 บริษัทจากหอการค้าต่างชาติ 37 ประเทศ ก็เคยได้สะท้อนให้รัฐบาลประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับการอนุญาตให้นักธุรกิจต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญ (technician) ที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทย เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้ เพราะมีการลงทุนหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่สั่งนำเข้าเครื่องจักรมาก่อนหน้านี้ต้องสะดุด จากการปิดประเทศ การเดินหน้าโครงการต่าง ๆ ต้องล่าช้า

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า ทุกคนต่างสะท้อนมุมมองว่ารัฐบาลต้องลองเสี่ยงสักตั้งที่ต้องเปิดประเทศ แต่ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าเปิด จะต้องสร้างหลักเกณฑ์ new normal เช่นว่า 1) อนุญาตให้เฉพาะประเทศที่มีความปลอดภัยในการป้องกันโควิด 2) วางมาตรฐานที่เข้มข้นแต่สามารถปฏิบัติได้จริง และ 3) ใช้เกณฑ์ว่าหากเปิดประเทศแล้ว ต้องมียอดจำนวนผู้ติดเชื้อต่อวันเพิ่มขึ้นไม่ถึง 100 คน ก็ถือเป็นอันใช้ได้

แน่นอนว่านักธุรกิจทุกคนย่อมรักในธุรกิจ แต่ไม่ใช่ว่านักธุรกิจเหล่านี้ไม่รักประเทศ เพียงแต่มีมุมมองต่างออกไป ทำให้เราตั้งสติคิดว่า สมมุติหากเราต้องอยู่ร่วมกับโควิดไปอีกนาน และชีวิตเราก็ยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะเอาเข้าจริงไปถึงกลางปีหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวัคซีนมาถึงคนไทยหรือยัง น้ำหนักนักธุรกิจฝั่งนี้ จึงมองถึงการอยู่ร่วมกับโควิด

หมายถึง ต้องเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการวางระบบป้องกันโควิดอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อเกิดเหตุสาวเชียงใหม่สาวเชียงรายติดโควิดมาอีก ความหวังฟื้นเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศก็ยิ่งริบหรี่ไป หรือความไม่ชัดเจนคือความชัดเจน เป็นคำตอบจากรัฐบาลในเรื่องนี้แล้ว