“พีทีจี” จ่อชิงตลาดก๊าซ LPG ปูพรมขยายสาขาปั๊ม-ช็อป

ปั้ม LPG

พีทีจ่อกวาดลูกค้าแท็กซี่ LPG 2 หมื่นคันดันยอด ลุยขยายสาขา-ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มอีก 100 แห่งปีหน้า ชี้กำไรก๊าซดีกว่าน้ำมัน 3 เท่า เร่งไต่อันดับขึ้นท็อป 4 หายใจรดต้นคอ WP

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานบริหาร และซีอีโอ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอร์ยี
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจ LPG เป็นธุรกิจที่มีกำไรที่ดี หากเทียบกับน้ำมัน ซึ่งมีกำไรขั้นต้น (GP) เพียง 8-9% ส่วนกำไรสุดท้ายของน้ำมันเหลือแค่ 1% เศษ ขณะที่ LPG มีกำไรเกือบ 3 เท่าของน้ำมันโดยเฉลี่ย

“เรามองแนวโน้มธุรกิจ LPG ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะปัจจุบันเรามีสมาชิกอยู่ประมาณ 2,000 ราย จากจำนวนแท็กซี่ที่ใช้ LPG ทั้งหมด ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะให้เพิ่มเป็น 20,000 ราย เพิ่มขึ้น 9 เท่า”

ทั้งนี้ ปีหน้าพีทีจีจะปรับกลุ่มธุรกิจใหม่จากเดิมที่เราให้ LPG และน้ำมันเครื่องอยู่กลุ่มน็อนออยล์ ขณะที่น้ำมันจะอยู่กลุ่มออยล์ แต่จากนี้จะปรับเป็นกลุ่มเอเนอร์ยี่ และน็อนเอเนอร์ยี่

ก่อนหน้านี้นายพิทักษ์​เคยให้สัมภาษณ์เมื่อในช่วงครึ่งปีแรก ว่า ในปี 2564 ทางพีทีจีตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดก๊าซ LPG ขยับขึ้นจากอันดับ 5 เป็นอันดับ 3 และมีแผนจะนำธุรกิจนี้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 2565

เพราะถึงแม้ว่าภาพรวมการใช้จะลดลง 12% จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด แต่จุดแข็งของธุรกิจนี้คือ ค่าการตลาดดีมาก ประมาณ 21-22% เทียบกับน้ำมัน ประมาณ 7-8% ทำให้กำไรสุทธิก๊าซ 7% แต่น้ำมันมีกำไรสุทธิเพียง 1%

โ่ดยจุดแข็งที่สำคัญของปั๊ม LPG ของพีที คือ การวางระบบสมาชิกพีทีแม็กการ์ดที่ใช้สะสมแต้มได้ทั้งน้ำมันและก๊าซ LPG อัตราคะแนนสะสมก็เท่ากัน ได้สิทธิประโยชน์ในการใช้บริการและซื้อสินค้าจากพันธมิตรเรานับ 100 ราย ไม่ใช่แค่อาหาร เครื่องดื่ม
โรงหนัง เทเลคอม แต่ยังมีขยายไปถึงโฮมโปร นายอินทร์ ฟิล์มลามิน่า

ซึ่งจะเห็นว่าพีทีจีทยอยจัดแคมเปญส่งเสริมการขายกับกลุ่มลูกค้าแท็กซี่ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งให้สิทธิพิเศษการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับแท็กซี่ และล่าสุดที่ได้จัดทำโครงการ PT LPG เพื่อแท็กซี่สู้โควิด มอบคูปองส่วนลดค่าพลังงานให้แท็กซี่ 1,000 บาทต่อคัน 10,000 คันด้วย

นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอลิมปัส ออยล์
จำกัด ในกลุ่มพีทีจี เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะขยายจำนวนสถานีบริการก๊าซ LPG ในปีหน้า 50 สถานี จากปัจจุบันที่มีจำนวน 200 สถานี โดยมุ่งเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลางเป็นหลัก โดยอาศัยกรอบงบฯลงทุนที่วางไว้ทั้งปั๊มก๊าซและน้ำมันรวม 3,000 ล้านบาท

“สัดส่วนกลุ่มลูกค้าหลักแท็กซี่ยังไม่ได้มีจำนวนมากนัก ในประเทศไทยมีจำนวนแท็กซี่ประมาณ 80,000 คัน ซึ่งเป็นคันที่ใช้ LPG ประมาณ 20,000 คัน และลูกค้าที่แอ็กทีฟจริง ๆ วันนี้มีเพียง 2,500 คัน โครงการคูปองเข้ามา จะช่วยเพิ่มจำนวนแท็กซี่ให้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม ecosystem ของเรามากขึ้น”

นอกจากนี้ให้บริการเติมรถแล้ว ยังมีการจัดจำหน่ายก๊าซหุงต้ม LPG บรรจุถัง ซึ่งทั้งประเภทร้านจำหน่ายที่มีบริการส่งถึงบ้าน เปิดไปแล้ว 90 แห่ง คาดว่าถึงสิ้นปี 2563 จะเปิดดำเนินการได้ครบตามเป้าหมาย 100 แห่ง ซึ่งปีหน้าจะขยายร้าน 50 ร้านค้า งบประมาณการลงทุน บริษัทดำเนินการเองแห่งละ 250,000-300,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีร้านคีออสก์ ซึ่งเป็นช็อปขนาดเล็ก ไม่มีบริการส่ง อีกประมาณ 100 แห่ง เพื่อให้บริการลูกค้าที่นำถังก๊าซหุงต้มเปล่าจากที่บ้านมาเติมเองไม่มีบริการส่ง และไม่ได้เป็นแฟรนไชส์

“ยอดขายก๊าซน่าจะรีคัฟเวอร์มาตั้งแต่เดือนมกราคมแล้วมีประมาณ 14 ล้านลิตร เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เริ่มฟื้นตัวจากช่วงโควิดทำให้มียอดขายกลับมาเท่ากับเดือนมกราคม ค่าเฉลี่ยเดือนละ 8,200 ตัน รวมทั้งขนส่งและหุงต้ม”

“แต่หากแยกเฉพาะยอดขายก๊าซหุงต้มเดือนละ 600-800 ตัน ธ.ค.จะได้ 1,000 ตัน รวมทั้งปี 3,000-4,000 ตัน ทำให้เป็นเบอร์ 4 รองจาก WP (เวิลด์แก๊ส) ส่วนราคาจำหน่ายปลีก LPG ยังอยู่ในการควบคุมราคา ตามที่รัฐบาลประกาศให้ช่วยลดราคาเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ 3 บาทต่อ กก. ซึ่งโครงการนี้จะหมดประมาณต้นปี 2564”

สำหรับโรงบรรจุก๊าซทางบริษัทมีทั้งหมด 4 โรง โดยที่สุขสวัสดิ์ กรุงเทพฯ เป็นโรงแรกที่เปิดดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะเปิดเป็นแห่งที่ 2 ที่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี จะเปิด 15 ธ.ค.นี้ ยังเหลืออีก 2 โรง ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี