พาณิชย์ปรับเป้าการส่งออกปี’60 โตทะลุ 8% หลังยอดส่งออก 9 เดือนแรกโต 9.3%

พาณิชย์ปรับเป้าหมายการส่งออกปี’60 โตทะลุ 8% หลังยอดส่งออก 9 เดือนแรกโต 9.3%-จับตาค่าบาทหลังการประชุมเฟด ธ.ค.นี้

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนกันยายน 2560 มูลค่า 21,812 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 12.2% ถือว่าเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 18,454 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.73% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 3,358 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) 2560 การส่งออกมีมูลค่า 175,435 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.3%, นำเข้ามีมูลค่า 163,203 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 14.8% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 12,231 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

“การส่งออกขยายตัวเป็นจากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเติบโตดี และการดำเนินมาตรการผลักดันการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่มุ่งเจาะตลาดศักยภาพรอง เช่น แอฟริกา ละตินอเมริกาเพิ่มขึ้น หากในช่วงที่เหลือไทยสามารถผลักดันยอดส่งออกเฉลี่ยเกิน 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้ภาพรวมการส่งออกไทยทั้งปี 2560 ขยายตัวได้ 8% หรืออาจมีโอกาสขยายได้ถึง 8.5% สูงเกินเป้าหมายการส่งออกที่เคยตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 5%”

อย่างไรก็ตาม การส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้าย ต้องติดตามสถานการณ์และแรงกดดันจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มผ่อนคลายลง แต่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนธันวาคมนี้ ขอให้ผู้ส่งออกที่ได้มีการรับคำสั่งซื้อไตรมาสสุดท้ายและประกันอัตราแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้ การส่งออกขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาด CLMV จีน และญี่ปุ่น สำหรับการส่งออกรายสินค้ามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11

สำหรับสินค้าที่มีการขยายตัวได้ดีจากทั้งปริมาณและราคา ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย และไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ขณะที่การส่งออกข้าว ขยายตัวเชิงปริมาณ 6.8% จากการส่งออกไปยังตลาดรัสเซียเพิ่มขึ้น และมีอีกหลายตลาดที่อยู่ระหว่างการเจรจา

สำหรับกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยสินค้าที่มีการขยายตัวในระดับสูง ได้แก่ ทองคำ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันสำเร็จรูป คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์สื่อสาร ส่งผลให้ตลาดสำคัญที่เคยหดตัวกลับมาขยายตัวได้ โดยเฉพาะออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และกลุ่ม CIS