นายสมโภชน์ อาหุนัย รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มองว่า หากรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังพลังงานไฟฟ้า (EV) ควรตั้งกองทุนพลังงานสร้างชาติ 2 ล้านล้านบาท เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เป็นรูปธรรม
โดยแหล่งที่มาเงินทุนควรมาจากการออกพันธบัตรของรัฐบาล 30 ปี ประโยชน์ที่ได้รับนั้นจะช่วยให้สามารถประหยัดพลังงานได้ปีละ 1 แสนล้านบาท สามารถลดคาร์บอนลดมลพิษ ฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
นอกจากนั้น อีกกว่า 1.8 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ส่วนที่เหลืออาจจะนำไปทดแทนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งสนับสนุนปิโตรเคมี พืชพลังงานสู่การสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ชุมชน
ด้าน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า ภาคพลังงานจะต้องปรับและเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะปัจจุบัน โดยเฉพาะการลงทุนผลิตอีวี ต้องเริ่มปรับโครงสร้างทั้งพลังงาน และการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อรองรับ โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างดำเนินการวางแผน เนื่องจากต้องคำนึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ที่จะได้รับผลกระทบด้วย
“รัฐวิสาหกิจโดย ปตท.ต้องเร่งรัดดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ ส่วน 3 การไฟฟ้าต้องปรับตัวรับโครงสร้างพลังงานใหม่ ทั้ง EV และระบบแบตเตอรี่ และลดขั้นตอนการอนุมัติที่ล่าช้า เพื่อกระตุ้นให้เร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า ทั้งสถานีไฟฟ้าย่อย และการขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนได้”