“สมคิด” แท็กทีมโด๊ปเศรษฐกิจ 5 กระทรวงคิกออฟ พ.ย.-ดึงฝรั่งช็อปช่วยไทย

“สมคิด” เขย่า 5 กระทรวงด้านเศรษฐกิจ งัดมาตรการเศรษฐกิจ “high impact” คิกออฟต้นเดือน พ.ย. ขยายวงบัตรธงฟ้า ขยับเป็นทีม ทั้งคลัง-พาณิชย์-อุตสาหกรรม-ดีอี-คมนาคม ดูดข้อมูลดีไซน์นโยบายใหม่อุ้มคนรากหญ้า เผยดัชนีเศรษฐกิจเด้งต่อเนื่องดีที่สุดในรอบ 3 ปี ไตรมาส 3-4 ถึงต้นปี 2561 เตรียมชงแคมเปญให้ฝรั่งช็อปช่วยชาติ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ได้เตรียมมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เพื่อเป็นแรงส่งให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 1/2561 ขยายตัวต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นต้น จะเข้าไปจัดการเร่งรัดให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงด้านเศรษฐกิจ จัดทำแผนงาน โครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เจาะจงให้มีผลเป็นรูปธรรมสูง ส่งผลทะเทือนทุกระดับเศรษฐกิจ ให้เกิด “high impact”

“ต้องให้กระทรวงแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจระบุไปเลยว่าจะทำโครงการอะไรที่ “high impact” แล้วดำเนินการตามแผนให้จบ ไม่จมอยู่กับงานรูทีน”

จัดคิวเร่งเศรษฐกิจ 5 กระทรวง

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกำหนดการติดตามงาน และขึ้นโครงการใหม่ว่า จะเริ่มต้นที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ก่อน เพื่อผลักดันงานให้ทะลุ ให้เริ่มต้นให้ได้ จากที่เคยให้การบ้านไว้ ทั้งเรื่อง big data, แผนงานเรื่อง in-ternet of things และแผนรองรับการจัดลำดับความยากง่ายในการทำธุรกิจในประเทศไทย (doing business Thailand) ตามดัชนีของธนาคารโลก

จากนั้นจะไปที่กระทรวงพาณิชย์ ตรวจการบ้านและเร่งรัดขยายผลเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้ซื้อสินค้าในโครงการธงฟ้าประชารัฐ ที่โดนใจประชาชนระดับรากหญ้ามาก ทำให้คนจนลืมตาอ้าปากได้ อนาคตต้องจัดทำโครงการที่ช่วยให้คนกลุ่มนี้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วยตัวเองให้ได้

“ในอนาคตข้างหน้าต้องขยายเครือข่ายการใช้บัตร ได้สั่งการให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้นำวิสาหกิจชุมชนทั้งหลายที่อยู่ต่างจังหวัด ให้ผลิตสินค้าที่ชาวบ้านต้องการเพื่อป้อนร้านธงฟ้าประชารัฐ ภายใน 1-2 เดือนนี้จะขยายร้านธงฟ้าประชารัฐอีกหลายแห่งเพื่อให้ครอบคลุมทั่วพื้นที่”

เปิดตลาดประชารัฐ 6,447 แห่ง 

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบตลาดประชารัฐช่วยไทย จำนวน 6,447 แห่ง ประกอบด้วย 1.ตลาดประชารัฐ Green Market 3 แห่ง 2.ตลาดประชารัฐไทยช่วยไทยคนไทยยิ้มได้ 2,155 แห่ง 3.ตลาดประชารัฐท้องถิ่นสุขใจ 3,822 แห่ง 4.ตลาดประชารัฐ กทม.คืนความสุข 14 แห่ง 5.ตลาดประชารัฐของดีจังหวัด 76 แห่ง 6.ตลาดประชารัฐ Modern Trade จังหวัดละ 1 แห่ง รวม 76 แห่ง 7.ตลาดประชารัฐของดีวิถีชุมชน ธ.ก.ส. 147 แห่ง และ 8.ตลาดประชารัฐต้องชม 154 แห่ง ซึ่งจะสามารถเพิ่มกลุ่มผู้ค้ารายใหม่ 102,844 ราย งบประมาณ 562 ล้านบาท โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนจองพื้นที่ในวันที่ 1 พ.ย. 60 และเปิดตลาดพร้อมกันทั้ง 6,447 แห่ง วันที่ 1 ธ.ค. 60

กระทรวงถัดไปคือ คิวกระทรวงการคลัง จะต้องเก็บและบริหารข้อมูลที่ได้จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้ฐานข้อมูล (big data) นำมาวิเคราะห์ ปัญหาและความต้องการของผู้มีรายได้น้อย เพื่อออกแบบนโยบายใหม่ แล้วให้สำนักงบประมาณวางแผนจัดงบประมาณใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการแต่ละจังหวัด แต่ละพื้นที่ เช่น วางโปรแกรมพัฒนาอาชีพ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน

ส่วนเรื่องเครื่องมือทางการคลังที่ต้องใช้ร่วมกับเครื่องมือทางการเงิน ที่กำกับโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น ก็จะมีการหารือกันใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือน ค่าเงินบาท

ส่วนคิวที่กระทรวงอุตสาหกรรม ขณะนี้พระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ใกล้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องเร่งให้เศรษฐกิจ การลงทุนมีความต่อเนื่อง จึงต้องให้กระทรวงนี้มีการบริหารให้เกิดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ว่าโครงการนี้เกิดแน่นอน และนโยบายจะมีความต่อเนื่อง

สำหรับกระทรวงคมนาคม ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า เป็นช่วงที่สำคัญมากเรื่องโครงการลงทุน ต้องเร่งรัดให้ขั้นตอนโครงการลงทุนต่าง ๆ รวดเร็วยิ่งขึ้น

ดัชนีดีทุกตัว GDP โตสุดใน 3 ปี 

รองนายกฯด้านเศรษฐกิจมีความมั่นใจว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ตัวเลขเศรษฐกิจมหภาคดีที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ในไตรมาส 3 คาดว่าจะเติบโตดีในอัตรา 4% บวกลบไม่มาก โดยมีปัจจัยทางเศรษฐกิจทุกตัวออกมาดี และดอกผลของมาตรการช่วงที่ผ่านมาจะส่งผลต่อเศรษฐกิจส่วนรวมในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ด้วย ดัชนีต่าง ๆ จะเป็นแรงส่งให้เกิดการขยายตัวต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2561

“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายยังไม่ต้องกระตุ้นเพิ่มเติม แต่ต้องเร่งมาตรการที่มีอยู่ให้รวดเร็วขึ้น ตอนนี้เฉพาะตัวเลขนักท่องเที่ยวอย่างเดียวก็ล้นเพดาน เราต้องการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไปเที่ยวเมืองรอง ในชุมชน ดัชนีส่งออกกำลังไปได้ดี อย่างน้อยไม่ได้แย่ลงกว่าเดิม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เริ่มกระตุกขึ้น ตัวเลขตลาดหุ้นสูงขึ้นต่อเนื่อง อีก 2 เดือนจะเห็นสัญญาณที่ดี ตัวเลขการเบิกจ่ายของรัฐบาลที่อั้นอยู่จะออกมาแน่นอน ไม่มีอุปสรรคเชิงลบ คาดว่าจะไม่ได้มีอะไรมาทำให้สะดุด ดัชนีเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น มาเมื่อไรก็วิ่งไปได้เมื่อนั้น”

“ผมก็อยากให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรื่องช็อปช่วยชาติที่เคยทำไปปีก่อน แต่คราวนี้อยากให้มีโครงการช็อปช่วยชาติ แต่ให้ฝรั่งช็อปนะ คนไทยไม่ต้องช็อปมาก อยากให้ฝรั่งไปเที่ยวเมืองรอง ใช้เงินในชุมชน”

นายสมคิดกล่าวว่า จากนี้ไปถึงเวลาที่เศรษฐกิจจะขยับขึ้น ดัชนีชี้วัดทุกตัวแข็งแรง โดยมีกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ต่างชาติเชื่อมั่นลุยอังกฤษ-ยุโรป

รองนายกฯบอกว่า ขณะนี้มีข่าวดี มีปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศมั่นใจประเทศไทยมากขึ้นหลายด้าน ล่าสุดฮ่องกงประกาศตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าในประเทศไทย ไม่ใช่เวียดนาม มีความหมายสำคัญมาก เพราะจะเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียน ต่อจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมื่อฮ่องกงมาซึ่งเป็นฐานใหญ่ของจีน หมายความว่าเรื่องต่างประเทศกำลังไปได้ดี

“เชื่อมั่นว่าการปรับอันดับ doing business ของธนาคารโลกในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2560 จะขยับอันดับดีขึ้น และจะส่งผลต่อเศรษฐกิจให้ดีขึ้นแน่นอน”

นโยบายต่างประเทศไปได้ดี ต้องขับเคลื่อนต่อ หลังการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ไม่มีแรงกดดัน ไม่เสียเปรียบ ได้อานิสงส์จากนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ เป้าหมายต่อไปคือ การเจาะประเทศแถบยุโรปคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ซึ่งได้มอบหมายให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการจัดคิวเพื่อเดินทางไปกึ่งโรดโชว์ที่อังกฤษ

ถ้าสามารถเจาะอังกฤษได้แล้วจะสามารถทะลุไปถึงยุโรป อังกฤษกำลังจะออกจากสหภาพยุโรป ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นจังหวะที่ดี สำหรับนโยบายพันธมิตรเศรษฐกิจกับจีน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องมีการกระชับสัมพันธ์ต่อเนื่อง ส่วนฝ่ายบริหารและกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่นก็กำลังให้ความสนใจรถไฟสายเหนือ-ใต้ และการขยายเส้นทางสายตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมเขต EEC นอกจากนี้กลุ่ม SMEs เป็นหมื่นรายของญี่ปุ่น ก็จะอพยพมาลงทุนในไทย เชื่อว่าตอนนี้ไทยยังน่าสนใจกว่าเวียดนาม

เร่ง “ท่องเที่ยว” รับไฮซีซั่น

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ภาพรวมของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 11 ตุลาคม มีนักท่องเที่ยวรวม 26.9 ล้านคน สร้างรายได้ 1.37 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.6% และ 7.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

บีโอไอขยายมาตรการส่งเสริม

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ได้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ในภาคอุตสาหกรรม ขยายเวลาไปอีก 3 ปี (2563) จากเดิมสิ้นสุด 31 ธ.ค. 60 และให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้านบุคลากรตามมูลค่าโครงการ ทั้งนี้ การประชุมบอร์ดบีโอไอเดือน พ.ย.นี้ จะพิจารณาต่ออายุมาตรการส่งเสริมในพื้นที่ EEC เดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2560 นี้ สำหรับสถิติการลงทุนเฉพาะในพื้นที่ EEC ตั้งแต่ พ.ค. 2557-ก.ย. 2560 มียอดคำขอ 1,561 โครงการ มูลค่า 1.1 ล้านล้านบาท