ประชาชน 55% ใช้จ่ายลดลงช่วงปีใหม่ หลังพบติดเชื้อโควิดในสมุทรสาคร

เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์
เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์

หอการค้าชี้ จากข่าวติดเชื้อโควิดในพื้นที่สมุทรสาคร ประชาชนกว่า 55.3% ใช้จ่ายน้อยลงช่วงปีใหม่ ยกเลิกท่องเที่ยว บริโภคอาหารทะเลลดลง หากล็อคดาวน์ทั้งจังหวัดสมุทรสาคร คาดเม็ดเงินหายจากระบบเศรษฐกิจกว่า 64,340 ล้านบาทใน 1 เดือน

วันที่ 26 ธันวาคม 2563 นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยและ ประธานโครงการ Harbour.space@utcc เปิดเผยถึงผลสำรวจโดยการเปรียบเทียบกรณีที่มีข่าวการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ที่จังหวัดสมุทรสาคร ต่อการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงปีใหม่ ระหว่างวันที่ 14-23 ธันวาคม 2563 จำนวนตัวอย่าง1,223 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่หลังจากที่มีข่าวการแพร่ระบาดกว่า 55.3% ประชาชนใช้จ่ายน้อยลงกว่าที่วางแผนไว้ มีเพียง 16.9% ที่ยังใช้จ่ายมากกว่าที่วางแผนไว้ และ 75.9% ได้ยกเลิกการท่องเที่ยวออกไป 15.2% ยังคงออกไปเที่ยว แต่มีการป้องกันมากขึ้น และ 8.9% เปลี่ยนไปเที่ยวจังหวัดอื่นที่ไม่มีการแพร่ระบาด

และจากข่าวดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารทะเล พบว่า 46.4% เลี่ยง งดการบริโภค 31.1% บริโภคเหมือนเดิมแต่ทำให้สุก และ15.5% บริโภคลดลง ส่วนการใช้จ่ายในชีวิตประจำเป็น 44.3% ใช้จ่ายลดลง ทั้งเรื่องของการท่องเที่ยว ซื้อสินค้าฟุ่มเฟื่อย สันทนาการและสถานบังเทิง เป็นต้น มีเพียง 19.8% ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยใช้ไปกับ การซื้ออุปกรณ์ เคมีภัณฑ์ป้องกันโควิด อาหารและเครื่องดื่ม และ35.9% ที่ยังใช้จ่ายเท่าเดิม

และเมื่อดูมูลค่าการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ กรณีปกติคาดว่ามีเงินสะพัดอยู่ที่ 91,467 ล้านบาท กรณีมีการล็อคดาวน์เฉพาะสมุทรสาคร คาดว่ามีเงินสะพัดอยู่ที่ 80,937 ล้านบาท กรณีที่มีการปิดพื้นที่ใกล้เคียง คาดว่ามีเงินสะพัดอยู่ที่ 65,143 ล้านบาท กรณีที่มีการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ คาดว่ามีเงินสะพัดอยู่ที่ 38,819 ล้านบาท

ส่วนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย กรณี Full Lockdown 1 จังหวัดสมุทสาคร จะส่งผลให้จังหวัดอื่น ๆ 76 จังหวัด ได้รับผลกระทบในการยกเลิก เลื่อน กิจกรรม Event การเดินทางท่องเที่ยว ยอดการขายปลีกลดลง จะทำให้เม็ดเงินหายออกจากระบบเศรษฐกิจ 64,340 ล้านบาทต่อ 1 เดือน หรือ ต่อวันอยู่ที่ 2,145 ล้านบาท โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือภาคการท่องเที่ยว รองลงมาคือภาคการขนส่ง

กรณี Lockdown 5 จังหวัด เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ จะทำให้จังหวัดอื่น 72 จังหวัดได้รับผลกระทบในการยกเลิก เลื่อน กิจกรรม การเดินทางท่องเที่ยว ยอดขายปลีกลดลง จะทำให้เม็ดเงินหายออกจากระบบเศรษฐกิจ 121,779 ล้านบาทต่อ 1 เดือน หรือ ต่อวันอยู่ที่ 4,059 ล้านบาท โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือภาคการท่องเที่ยว รองลงมาคือภาคการขนส่ง เช่นกัน กรณีแย่ที่สุด คือ Lockdown ทุกจังหวัด จะทำให้เม็ดเงินหายออกจากระบบเศรษฐกิจ 205,692 ล้านบาทต่อ 1 เดือน หรือ ต่อวันอยู่ที่ 6,856 ล้านบาท โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือภาคอุตสาหกรรม รองลงมาคือภาคการท่องเที่ยว

นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการสำรวจถึงทัศนะทั่วไปเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ พบว่า มาตรการคนละครึ่ง ประชาชนกว่า 62% มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก รองลงมา มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน 28.4% และช้อปดีมีคืน 9.2% ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลออกมานั้นส่วนใหญ่ประชาชนมองว่าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากมีการต่อมาตรการออกไปถึงไตรมาส 1 ของปี 2564 โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่ง ประชาชนเห็นว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมากและเป็นผลดีต่อการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่ของประชาชนที่จะทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่ามาตรการของรัฐทั้ง 3 มาตรการล้วนมีผลต่อประชาชนวางแผนการใช้จ่ายในช่วงปีใหม่และมีผลต่อการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เช่น โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่า การเข้าโครงการรัฐทำให้ประชาชนประหยัดเงิน 60.9% รองลงมาประชาชนมีการใช้จ่ายเงินอย่างรอบคอบมีการวางแผน 28.1% และสถานการโควิด 4.3% รายได้ไม่เพียงพอ 4.3% เก็บเงินไว้เพราะไม่แน่ใจกับสถานการณ์ 2.7% ขณะที่จำนวนเงินที่ใช้ต่อคนกับมาตรการของรัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกันอยู่ที่ 13,806 บาท มาตรการคนละครึ่ง 3,490 บาท และช้อปดีมีคืน 12,170 บาท