ประกันมันสำปะหลัง งวด 2 มาแล้ว ส่วนต่างอยู่ที่ 20 สตางค์

มันสำปะหลัง

“พาณิชย์” เคาะจ่ายส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง งวดที่ 2 ได้รับชดเชยกิโลกรัมละ 20 สตางค์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ได้เห็นชอบการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 งวดที่ 2 โดยจะชดเชยส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรและระบุวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 และระบุวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค.2563 ในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 0.20 บาท

ทั้งนี้ เนื่องจากราคาตลาดต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2.50 บาทต่อกก. โดยราคาตลาดหัวมันสำปะหลังสดเชื้อแป้ง 25% ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 2.30 บาท

สำหรับราคาตลาดเพื่อใช้ในการคำนวณส่วนต่าง ได้นำราคาที่ซื้อขายจริงในตลาดจาก 5 แหล่งผลิต ได้แก่ กรมการค้าภายใน ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน ในแหล่งผลิตสำคัญ 14 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา กำแพงเพชร ชัยภูมิ กาญจนบุรี อุบลราชธานี สระแก้ว นครสวรรค์ เลย กาฬสินธุ์ อุดรธานี บุรีรัมย์ ขอนแก่น ฉะเชิงเทรา ลพบุรี ,ราคาสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย จาก 14 จังหวัด

ราคาสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ใน 10 เขตพื้นที่จำนวน 29 จังหวัด , ราคาสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี และราคาสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยนำมาถ่วงน้ำมันในอัตรา 25% , 25% , 25% , 10% และ 15% ตามลำดับ

ทั้งนี้ การจ่ายเงินส่วนต่างจะจ่ายทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 12 เดือน โดยได้จ่ายงวดแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ที่กก.ละ 0.26 บาท ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยเกษตรกร 1 ครัวเรือน จะใช้สิทธิได้ 1 ครั้ง และครั้งที่ 2 คาดว่าจะจ่ายในวันที่ 30 ธ.ค.2563 ร่นให้เร็วขึ้น เนื่องจากวันที่ 1 ม.ค.2564 เป็นวันหยุดเทศกาลปีใหม่

โดยการคำนวณผลผลิตที่จะได้รับการชดเชย ได้ใช้ปริมาณผลผลิตต่อไร่ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2560/61 ปี 2561/62 และปี 2562/63) ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เท่ากับ 3,419 กก./ไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน และในงวดที่ 2 นี้ เกษตรกรจะได้รับชดเชยสูงสุดอยู่ที่ 20,000 บาท