ดึงเอกชน 8 รายทำสัญญาซื้อขายกระเทียมล่วงหน้า 13.50 บาทต่อกิโลกรัม

ภาพโดย Manfred Richter จาก Pixabay

“จุรินทร์” ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการเชิงรุกช่วยเหลือชาวไร่กระเทียมเพื่อช่วยแก้ปัญหาราคาตก ดึงเอกชน 8 รายทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากิโลกรัมละ 13.50 บาท

วันที่ 23 มกราคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมวางแผนเชิงรุกรองรับการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร (กระเทียม) ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการร่วมประชุมหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมเป็นการล่วงหน้าเพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. 2564 นี้

โดยกรมการค้าภายในได้ประสานงานกับพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นทีมเซลล์แมนของจังหวัด ร่วมกับภาคเอกชนจัดให้มีการเจรจาซื้อขายกระเทียมสดในราคาที่เป็นธรรม 8 สัญญา มีภาคเอกชน 8 บริษัทเป็นผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกร 8 กลุ่มเป็นผู้ขายในราคากระเทียมสดกิโลกรัมละ 13.50 บาท ซึ่งเป็นราคาชี้นำตลาดในฤดูกาลผลิตนี้

“ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์มีความเป็นห่วงว่าผู้ปลูกกระเทียมจะขายได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีข่าวว่ามีการตกเขียว กระเทียมสดที่ขายล่วงหน้าในราคากิโลกรัมละ 8 บาท จึงต้องมาประชุมแก้ไขปัญหาเชิงรุกให้กับพี่น้องเกษตรกร เพื่อช่วยให้เกษตรกรชาวไร่กระเทียมขายกระเทียมได้ในราคาที่เป็นธรรมมากขึ้นกว่าราคาตกเขียวที่กิโลกรัมละ 8 บาท โดยคิดว่าเกษตรกรควรได้ราคาดีกว่านี้”

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้กำหนดมาตรการเสริมในช่วงที่กระเทียมออกสู่ตลาดจำนวนมาก โดยมีมาตรการชะลอขาย ถ้าเกษตรกร ผู้รวบรวมกระเทียมหรือสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรชะลอขาย จะมีวงเงินช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ผู้รวบรวมกระเทียม ประมาณ 6 เดือน เมื่อราคาดีค่อยขาย โดยช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3 และมาตรการทางกฎหมายให้มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศ

โดยได้สั่งการให้กรมศุลกากร ตำรวจ ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เคร่งครัดการแก้ไขปัญหาการลักลอบการนำเข้า ซึ่งจะนำเรื่องนี้ไปเรียนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบอีกครั้งหนึ่งในวันอังคารที่ 26 ม.ค.2564 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้ากระเทียมต่อไป

นอกจากนี้ จะเข้มงวดการออกไปอนุญาตนำเข้ากระเทียม ให้มีการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพของกระเทียมที่นำเข้า และ เข้มงวดการตรวจสอบการขนย้าย หากตรวจพบการกระทำผิดจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนมาตรการระยะยาว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาพันธุ์กระเทียมให้กระเทียมไทยเป็นกระเทียมที่มีคุณภาพ เรียกว่า “ใหญ่ ง่าย ดี“ โดยกลีบใหญ่ แกะง่าย และมีคุณภาพดี รสชาติดี และเร่งรัดการส่งเสริมการปลูกกระเทียมออร์แกนนิกและเปิดตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่งเสริมการนำกระเทียมไปสร้างนวัตกรรมทางอาหารเพื่อเพิ่มมูลค่าโดยเร่งรัดให้ อย. ออกใบอนุญาตให้กับนวัตกรรมเหล่านี้ต่อไป

ปัจจุบัน ผลผลิตกระเทียมในแต่ละปีจะมีประมาณ 80,000 ตัน คิดเป็นกระเทียมสด 230,000 ตัน บริโภคภายในประเทศ 170,000 ตัน และมีการนำเข้าประมาณ 60,000 ตัน การนำเข้าเป็นไปตามข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆ และมีภาษีนำเข้าร้อยละ 57

สัญญาการรับซื้อกระเทียมนำร่อง

ผู้รับซื้อกระเทียม
1. บริษัท ตะวันพืชผล จำกัด
2. บริษัท ยิ่งไพศาลการเกษตร จำกัด
3. ร้านทองคำ บุญช่วยเครื่องต้มยำ
4. บริษัท บีวายที ฟู้ดซัพพลาย จำกัด
5. บริษัท มาตา เทรดดิ้ง จำกัด
6. นายทรงศักดิ์ สาระวรรณา

ผู้ขาย กลุ่มเกษตรกรจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน

1.​วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกระเทียมบ้านเป้า
2.วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกระเทียมปลอดภัยบ้านม่วงคำ
3.วิสาหกิจชุมชนเครือข่ายผู้ปลูกกระเทียมอำเภอเวียงแหง
4.กลุ่มกระเทียมแปลงใหญ่​อำเภอเชียงดาว
5.วิสาหกิจชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้จังหวัดลำพูน
6.กลุ่มแปลงใหญ่กระเทียมและหอมแดงบ้านใหม่สวรรค์​ หมู่11
7.วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกหัวพันธุ์หอมแดงและกระเทียมบ้านโฮ่ง
8.กลุ่มกระเทียมเกษตรแปลงใหญ่เมืองแปง