สำนักวิจัยเกษตร ดึงสมุนไพรไทย “ฟ้าทะลายโจร” สกัดโควิด

ฟ้าทะลายโจร

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร เร่งพัฒนาผลงานวิจัยสมุนไพรแบบครบวงจร หวังช่วยสกัดโควิด 19 เล็งทำแผนเชื่อมโยงการบริหารจัดการวัตถุดิบตลาดพืช สมุนไพรสู่ภาคธุรกิจ ชูสรรพคุณฟ้าทะลายโจร ต่อยอดจากทุนวิจัยการ พัฒนาตำรับยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่มีสารสำคัญสูงและมีเสถียรภาพ แก่คณะเภสัช ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

วันที่ 29 มกราคม 2564 รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. มีนโยบายในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา สมุนไพร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้ มาตรฐานและออกสู่เชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง โดยสมุนไพร เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย มีการใช้กัน มาอย่างยาวนาน เป็นภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น จวบจนปัจจุบันที่ได้มีการศึกษา ต่อยอดจนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง สอดรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการขับเคลื่อนเรื่องการพัฒนาพืชสมุนไพรของ ประเทศ

ทั้งนี้ สวก. และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากสมุนไพร ทั้ง ด้านการวิจัยสมุนไพรทางการแพทย์ เวชสำอาง อาหาร และสุขภาพ รวมถึงโอกาสการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการวิจัยและพัฒนาประสิทธิภาพของยาสมุนไพรในการรักษาโรคอุบัติใหม่  จากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อไวรัสโคโรน่า (โควิด-19)

จึงตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและเพื่อตอบสนองต่อการ บรรเทา ป้องกันและแก้ไขปัญหาให้สัมฤทธิ์ผล สวก. จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยการ พัฒนาตำรับยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่มีสารสำคัญสูงและมีเสถียรภาพ แก่คณะเภสัช ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มี ผศ.ดร.ณัฐวัฒน์ ณัฐพูลวัฒน์ เป็นหัวหน้าโครงการ โดยพัฒนาการสกัดฟ้าทะลายโจรด้วยตัวทำลายต่างๆ และบรรจุในรูปแคปซูล

ซึ่งผลการศึกษาค้นพบการพัฒนาวิธีสกัดสารสกัดฟ้าทะลายโจรให้ได้สารสกัดบริสุทธิ์ เป็นผงสารสกัดที่พร้อมใช้ สามารถนำไปทำเป็นแคปซูลหรือยาเม็ดที่มีคุณภาพดี และมีสารสำคัญ คือ แลคโตน และแอนโดรกราโฟไลด์ ที่มีฤทธิ์ระงับการติดเชื้อ หรือระงับการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้ และในสารสำคัญตัวนี้ยังมีส่วนช่วย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น

ปัจจุบัน สวก. เร่งพัฒนากลไกต้านไวรัสจากฟ้าทะลายโจรด้วยผลงานวิจัยและนวัตกรรม จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยการพัฒนาตำรับยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่มีสารสำคัญสูงและมีเสถียรภาพ โดยการนำผงสารสกัดไปขึ้นรูปเป็น แคปซูล ลดปริมาณการใช้ยา เหลือเพียง 1 แคปซูลต่อครั้ง แทนการรับประทานครั้ง ละ 3-4 แคปซูลต่อครั้ง เพื่อความสะดวกในการบริโภค และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตฟ้าทะลายโจรให้สามารถเข้าสู่มาตรฐานอุตสาหกรรมต่อไป

ผลสำเร็จจากโครงการมี มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ขอรับอนุญาตสิทธิในการผลิต นอกจากนี้มีบริษัท แก้ว มังกรเภสัช จำกัด ร่วมสนับสนุนทุนวิจัยในการต่อยอด แสดงให้เห็นถึงโอกาส และประสิทธิภาพของตำรับยาเม็ดสารสกัดฟ้า ทะลายโจร ซึ่งในอนาคตผลสำเร็จอาจก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ต่อการผลักดัน ตำรับยาเม็ดสารสกัดฟ้าทะลายโจรเพื่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรมให้ผลิตภัณฑ์ ยาสมุนไพรจำหน่ายได้ในเชิงพาณิชย์ ส่งผลย้อนกลับต่อการพัฒนากระบวนการ เพาะปลูกพืชสมุนไพรให้เกษตรกร เชื่อมโยงการบริหารจัดการวัตถุดิบตลาดพืช สมุนไพรสู่ภาคธุรกิจต่อไป