เร่งเครื่องค้าชายแดน เปิดเพิ่ม 3 ด่าน

กรอ.พาณิชย์ นัดแรกของปี 2564 ที่ประชุมเห็นร่วมในการเร่งแก้ไขปัญหา อุปสรรค การค้า การส่งออกไทย ขณะที่ปัญหาการเมืองเมียนมา ไม่กระทบไทย พร้อมเร่งผลักดันเปิดด่านชายแดน 3 ด่าน เพื่อขยายการส่งออก

วันที่ 4 ก.พ. 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน “การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พณ.) ครั้งที่ 1/2564” ว่า ที่ประชุมได้หารือใน 3 ประเด็นหลัก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและผลักดันการส่งออกของประเทศ โดยเฉพาะการประเมินทิศทางการส่งออกไทยในปี 2564 นี้

สำหรับ 3 ประเด็นสำคัญ คือ 1.การติดตามสถานการณ์การเมืองของเมียนมา โดยจากการรับฟังรายงานจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ การค้า การส่งออก หรือการทำธุรกิจยังคงเดินหน้าไป พร้อมทั้งด่านชายแดนสำคัญทั้ง 3 ด่าน คือ ด่านแม่สาย ด่านแม่สอด และด่านระนอง ยังคงให้บริการปกติ พร้อมกันนี้ยังได้ประสานเปิดด่านชายแดนเพิ่มที่ด่านสังขละ คาดว่าจะเปิดให้บริการในเร็วนี้

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์ในเมียนมา) รายงานสถานการณ์เข้ามาทุกวัน โดยเฉพาะประเด็นที่จะส่งผลกระทบต่อการค้า การทำธุรกิจ การลงทุน ซึ่งภาคเอกชนสามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กระทรวงพาณิชย์

2.การประเมินตัวเลขส่งออกโดยภาคเอกชนคาดว่าส่งออกไทยทั้งปีอยู่ที่ 3.5-4% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินการส่งออกอยู่ที่ 4% ซึ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้สูง

และ 3.การร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่กระทบต่อการส่งออก ซึ่งก็มีหลายประเด็นที่ได้รับการแก้ไขร่วมกัน เช่น การร่วมกันแก้ไขปัญหากฎระเบียบที่กระทบต่อการส่งออกรถยนต์ไทยไปเวียดนาม ซึ่งประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมทำข้อตกลงยอมรับร่วมคุณสมบัตินักวิชาชีพ หรือ MRA ซึ่งไทยจะเร่งเสนอให้มีการลงสัตยาบันให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเร่งเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯในสมัยนี้พิจารณาเห็นชอบ เชื่อว่าจะทำให้การส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามได้ง่ายขึ้น พร้อมเร่งให้สัตยาบัน อาร์เซ็ป ด้วยในปีนี้

รวมไปถึงการลำเลียงรถยนต์ไปท่าเรือเพื่อส่งออก สำหรับรถยนต์ที่ไม่มีทะเบียนก็ได้เร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขแล้ว การแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ ก็ร่วมกับทุกฝ่ายแก้ไขทั้งในส่วนของการจูงใจโดยการลดค่าธรรมเนียมเพื่อให้สายเรือนำเข้าตู้คอนเทนเนอร์เปล่าเข้ามา

ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทยก็อยู่ระหว่างการจัดทำเพื่อเสนอเข้า ครม. ในการพิจารณาเห็นชอบในเร็วนี้ การส่งเสริมให้บางสินค้าหลีกเลี่ยงใช้เรือเบ้าในการขนส่งสินค้า เช่น สินค้ากลุ่มผลไม้ พืชเกษตร ไม้ยางพารา เป็นต้น เพื่อลดใช้ตู้คอนเทนเนอร์และเปิดโอกาสให้สินค้าในภาคอุตสาหกรรมอื่นได้มีโอกาสใช้ส่งสินค้า และการอนุญาตให้เรือขนาด 400 เมตร เข้าเทียบท่าแหลมฉบังได้ โดยสามารถใบอนุญาตได้ภายใน 1 วันอายุใบอนุญาตอยู่ที่ 2 ปี

“ส่งเสริมขนส่งสินค้าทางบกที่จะส่งออกไปจีน โดยเลี่ยงการขนส่งทางเรือเพื่อลดการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ การเร่งเจรจาเปิดด่านชายแดน ซึ่งจะช่วยผลักดันการส่งออก ซึ่งเร็วนี้จะเปิดอีก 1 ด่าน ที่จังหวัดบึงกาฬ ทำให้จะมีด่านชายแดนเปิดให้ขนส่งทั้งสิ้น 40 ด่าน จากทั้งหมด 97 ด่าน นอกจากนี้ จะเร่งเจรจาเปิดด่านอีก 3 แห่งที่ ด่านป่าแซง อุบลฯ ด่านเชียงคาน เลย และด่านท่าเรือวัดหายโศก หนองคาย ซึ่งปิดไปช่วงโควิด ก็จะนำเรื่องเข้า ครม.พิจารณา เพื่อช่วนดันส่งออกชายแดนได้”

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมหารือครั้งนี้สิ่งที่ภาคเอกชนคาดหวังคือการลดปัญหาและอุปสรรคของการส่งออก ซึ่งหากดำเนินการได้จะทำให้การส่งออกไทยในปีนี้เป็นไปได้อย่างเป้าหมายที่คาดไว้ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการส่งออกสินค้าไปตลาดจีน โดยการส่งออกผ่าน สปป.ลาว เวียดนาม เพราะต้องยอมรับว่ามีต้นทุนทางด้านภาษีซึ่งกว่าจะถึงจีนเสียภาษีสูงถึง 20% หากสามารถเจรจาลดภาษีนำเข้าได้โดยส่งตรงผ่านแม่สาย เชียงแสน และส่งลงเรือเข้าตรงสู่จีน จะทำให้ต้นทุนทางภาษีเหลือ 3% เท่านั้น ประหยัดได้ถึง 17%

โดยหากทำได้จะเป็นการช่วยเหลือภาคเอกชนได้มาก รวมไปถึงการผลักดันการเปิดด่านทั้ง 3 แห่ง ด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีส่วนในเรื่องของการผลักดันการเจรจาเอฟทีเอ ซึ่งต้องการให้เร่งเปิดเจรจา การดูแลค่าเงินบาทเพราะมีผลต่อการแข่งขันเมื่อเทียบกับเวียดนาม หากดูย้อนไปภายใน 4 ปี ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าถึง 15% ส่วนเวียดนาม อ่อนค่า 4% ซึ่งมีผลต่อภาพรวมของการส่งออก เป็นต้น