CPTPP: “ดอน” ขอศึกษา 3 เดือน ก่อนเดดไลน์สิงหาคม 64

ดอน ขอเวลา 3 เดือน ศึกษาผลดี-ผลเสียร่วม CPTPP แจง มีเวลาตัดสินใจ 2 ขยัก ร่วม-ไม่ร่วม เดดไลน์สิงหาคม 64

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กยศ.) ครั้งที่ 1/2564 ว่า ที่ประชุมได้นำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) สภาผู้แทนราษฎร มาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ภายหลังใช้ศึกษาประมาณ 5 เดือน ซึ่งหลังจากนี้ทุกหน่วยงานจะช่วยกันพิจารณา “เร็วได้ยิ่งดี” ตามกรอบเวลา 3 เดือน เพื่อให้ได้ข้อสรุปเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม CPTPP รอบแรกประมาณเดือนสิงหาคม 2564

“พวกเราต้องการอยู่เสมอไม่ใช่หรือ อยากเห็นการตัดสินใจที่รอบคอบ คิดถึงผลประโยชน์ในด้านต่าง ๆ และอาชีพต่างๆ ซึ่งท่านนายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงต้องพิจารณาศึกษาลงไปในรายละเอียดมากขึ้น และต้องใช้เวลา”

นายดอนกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีความชัดเจน ไม่ใช่กระโดดเข้าไปเลย คนจำนวนไม่น้อยยังเข้าใจผิด นึกว่าเราจะกระโดดเข้าไปเลยแบบที่อังกฤษทำ อังกฤษกระโดดเข้าไปเลย ไม่มี 2 ขยักอย่างที่เราทำ แต่เรามี 2 ขยักเพราะต้องการความรอบคอบ ขยักแรกของเรา เราขอเข้าไปเจรจา ไม่ใช่สมัคร ซึ่งหลายประเทศไม่มีขั้นตอนนี้ เขาเข้าไปเลย

“ที่ผ่านมาจีนก็จะเข้า สหรัฐฯก็สนใจจะเข้า อังกฤษก็สมัครแล้ว เกาหลีใต้ก็สนใจจะเข้า เรายังช้ากว่าสหราชอาณาจักรหลายช่วงตัว เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของการว่าจะไปหารือเมื่อไหร่ โดยเอาข้อมูลผลการศึกษาของกมธ.ซีพีทีพีพีมาย่อย มาดูให้ละเอียดขึ้น”

นายดอนกล่าวว่วา เรื่องที่เราค้างคากันอยู่ โดยเฉพาะสิ่งที่กมธ.ซีพีทีพีพี ได้ทำการบ้านมา เราก็จะเอามาดูในกรอบของ กนศ. ดูในเรื่องเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งหมด เราเห็นว่า มีหลายเรื่องที่เราสามารถจะดูให้กระชับขึ้น ดูให้เล็กขึ้น และให้เห็นมุมต่าง ๆ เชื่อว่าหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวที่กมธ.ซีพีทีพีพีได้มีข้อสรุปจะได้มาเป็นข้อเติมเต็มให้เกิดความสมบูรณ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อรัฐบาลจะได้นำมาเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่า กมธ.ซีพีทีพีพีกังวลประเด็นใดมากที่สุด นายดอนกล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าประเด็นใดบ้างที่น่าเป็นห่วง เป็นการรายงานผลการศึกษาในภาพรวม และเห็นว่า ถ้าจะเดินต่อต้องมีการปรับตัวของหลายหน่วยงานและในหลายเรื่อง

“ประเด็นที่ต้องปรับตัวเป็นสิ่งที่เรารู้กันอยู่แล้ว ทุกประเทศก็ต้องมีการปรับตัวก่อนที่จะเข้าร่วมทำความตกลง เช่น เรื่องการค้า การบริการ การลงทุน อีคอมเมิร์ซ สาธารณสุขในมุมต่าง ๆ พันธุ์พืช รวมถึงกองทุนเยียวยาและชดเชยความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เรารับรู้กันอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่าหลังสหรัฐอเมริกาเลือกตั้งได้นายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ทำให้มีแนวโน้มว่า จะกลับมาทบทวนนโยบายการค้าแบบพหุภาคีอีกครั้งและสนใจที่จะกลับเข้ามาร่วม CPTPP ความกังวลในเรื่องสิทธิบัตรยาจะกลับมาเป็นประเด็นกังวลให้พูดถึงอีกหรือไม่ นายดอนกล่าวว่า เป็นเรื่องเก่า หลายปีที่ผ่านมามีพัฒนาการมากมาย เพราะฉะนั้นเรื่องของการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรยา (Compulsory Licensing) ไม่เป็นปัญหาใหญ่ กระทรวงสาธารณสุขไม่เห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่


“หลายเรื่องต่างจากที่เคยเป็น อย่าไปปักใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและฝังใจเรา หลอนเรา ทั้งที่ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น”